ยัยฟ้า มาช่วยแม่ลากกระเป๋าหน่อยสิลูก”
เสียงแปดปรอทของคุณนายชวนชมดังกึกก้องไปทั่วสนามบินนาริตะ ร่างสูงเพียง 153 เซนติเมตรพยายามลากกระเป๋าเดินทางใบมหึมาที่เพื่อนร่วมคณะทัวร์พากันลงความเห็นว่าหนักราวกับแบกบ้านมาทั้งหลังลงจากสายพานลำเลียงสัมภาระของสนามบินอย่างทุลักทุเล ผู้โดยสารที่เดินผ่านไปผ่านมาพากับจับจ้องหญิงวัยกลางคนที่แต่งตัวเปรี้ยวจี๊ดด้วยเสื้อผ้าสีสันบาดจิตไม่ค่อยเข้ากับฤดูหนาวกันเป็นตาเดียว ฟ้าใสส่ายหน้าช้าๆ อย่างแสนจะเหนื่อยหน่ายก่อนจะผละจากรถเข็นไปช่วยมารดาลากเจ้า “บ้าน” ใบเขื่องด้วยลีลาประดุจแรมโบ้ผิดกับรูปร่างที่แสนจะบอบบางเหลือเกินของตัวเอง
“แม่จะแบกอะไรมานักหนาคะ นี่ยังไม่ได้ไปช้อปปิ้งที่ไหนกระเป๋ายังหนักขนาดนี้ แล้วถ้าช้อปแล้วมันจะขนาดไหนเนี่ย”
หญิงสาวบ่นอุบ ดวงหน้าหวานงอง้ำแต่ก็ยังไม่ได้ลดความสวยงามที่คุณนายชวนชมแสนจะภูมิใจเป็นนักหนาลงแม้แต่น้อย จะไม่ให้ภูมิใจได้ยังไงล่ะก็มีแต่คนบอกว่าแม่ลูกสาวตัวดีน่ะสวยเหมือนคุณนายตอนสาวๆไม่มีผิด ทั้งดวงหน้าเรียวเล็กใสกระจ่างที่ประดับด้วยดวงตากลมโตและแพขนตางอนระยับทรงเสน่ห์ จมูกเล็กโด่งตามธรรมชาติที่กล้าพูดได้ว่าเป็นกรรมพันธุ์ที่ใครๆก็ต้องอิจฉาแล้วไหนจะริมฝีปากแดงอิ่มนั่นอีกล่ะ ผู้ชายที่ไหนเห็นก็เหลียวมองกันคอแทบหักแล้ว จะเว้นก็แต่...ผู้ชายตาถั่วบางคนที่กล้าทำให้ยัยฟ้าใสเสียใจนั่นล่ะที่มองไม่เห็นความงามนี้
“โอ๊ย...ที่มันหนักก็เพราะแม่ซ้อนกระเป๋ามาสามใบต่างหากล่ะ เผื่อเวลาช้อปปิ้งแล้วจะได้งอกลูกงอกหลานได้ทันที ไม่ต้องซื้อใหม่ให้มันเปลืองไงลูก”
คนเป็นแม่ฉีกยิ้มกว้างอย่างตื่นเต้นเมื่อนึกถึงสวรรค์แห่งการช้อปปิ้งที่รออยู่เบื้องหน้า ช่วงปลายปีแบบนี้มีแต่ของลดราคาทั้งนั้น เรียกว่าลดสะบั้นหั่นแหลกแทบจะต่ำกว่าทุนทีเดียว ถ้าซื้อไปขายที่เมืองไทยล่ะก็จะได้กำไรขนาดไหนกันหนอ แค่คิดถึงแบงค์สีเทาที่จะวิ่งมาเข้ากระเป๋าก็สุขใจจนแทบจะปีนขึ้นไปหัวเราะบนหอคอยโตเกียวแข่งกับก๊อซซิล่าได้ทุกเมื่อ รวย! รวย! รวย! อย่างเดียว
ฟ้าใสถอนใจเฮือกใหญ่ แค่เห็นไอ้รอยยิ้มกว้างที่มองทะลุทะลวงเข้าไปถึงลิ้นปี่นั่นก็รู้แล้วว่าคุณนายชวนชมเจ้าแม่เงินกู้ชื่อดังของย่านบางนากำลังคิดอะไรอยู่ ก็...คงไม่พ้นเรื่องเงินๆ ทองๆ และกำไรล้านแปดนั่นแหละ ไม่รู้จะอะไรนักหนาสิน่า ขนาดมาเที่ยวพักผ่อนทั้งทียังคิดจะมาตะลุยช้อปซื้อของกลับไปขายอีก ไม่สิอันที่จริงต้องบอกว่าวัตถุประสงค์ของการจัดทัวร์กรุ๊ปเล็กๆ ขนาด 10 คนในครั้งนี้นั้นก็เพื่อพาเพื่อนก๊วนแชร์แม่ชะม้อย เอ๊ย! แชร์แม่ชวนชมมาหาของกลับไปขายมากกว่า ไอ้ที่บอกว่าจะคืนกำไรให้ผองเพื่อนน่ะเป็นข้ออ้างทั้งเพ เค็มขนาดทะเลเรียกพี่อย่างคุณนายชวนชมน่ะหรือจะยอมคืนกำไรให้ใครโดยไม่มีอะไรแอบแฝง ก็แค่มาเป็นกรุ๊ปมันถูกกว่าบินมาคนเดียวต่างหากล่ะ!
ผิดกับฟ้าใสที่มีเพียงกระเป๋าเดินทางขนาดย่อม 1 ใบ และเป้ยีนส์สีซีดติดตัวอีกหนึ่งใบไว้ใส่พวกสมุดโน้ตปากกาและกล้องถ่ายรูปเอาไว้จดบันทึกและเก็บภาพของสิ่งรอบตัวประสาคอลัมนิสต์สาวไฟแรง...
ไฟแรงเหรอ...ขำตัวเองจริงๆ เมื่อสองเดือนก่อนคงใช่...แต่ตอนนี้เธอรู้สึกเหมือนไฟมันมอดไปหมดแล้ว หลังจากที่ได้เห็นภาพบาดตาพวกนั้น...และ...คำพูดบาดหูที่กรีดลึกลงไปถึงใจ
ไม่รู้หรือไงว่าตัวเองน่าเบื่อแค่ไหนน่ะ หา! ใครทนได้ก็ตายด้านแล้ว!
หญิงสาวพยายามกลั้นหยาดน้ำใสๆ ที่พร้อมจะเอ่อล้นออกมาจากสองเบ้าตาเอาไว้อย่างสุดความสามารถ แล้วออกแรงฮึดยกกระเป๋าใบยักษ์ของมารดาวางลงบนรถเข็นดังโครม
ไม่ได้! เราจะอ่อนแอไม่ได้ เข้มแข็งเข้าไว้ยัยฟ้าใสเอ๊ย! อกหักแค่นี้มันไม่ตายหรอก คอหักถ้ารักษาดีๆ ยังรอดเลย ประสาอะไรกับเรื่องแบบนี้ ที่ยอมลงทุนลางานมาก็เพื่อที่จะลืมคนบ้าๆ นั่นไม่ใช่หรือไง!
“แล้วพ่อไปไหนล่ะคะแม่”
หลังเรียกขวัญคืนมาให้ตัวเองได้บางส่วนแล้วหญิงสาวก็หันรีหันขวางมองหาป๊ะป๋าสุดที่รักทันที รายนั้นน่ะไว้ใจได้ที่ไหนกัน นั่นไง เอาอีกแล้ว เหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยนจริงๆ
“คุณพ่อ!”
ฟ้าใสร้องเรียกบิดาเสียงเขียวเมื่อเห็นว่าคนวัย 56 ที่ยังดูหล่อเฟี้ยวเหมือนอายุแค่ 40 ปลายๆ กำลังส่งภาษามือจีบแอร์โฮสเตสสาวชาวญี่ปุ่นอยู่อย่างเอาเป็นเอาตายชนิดที่ไม่ยอมทิ้งลายขุนแผนแดนสยามสักนิด แถวหมู่บ้านน่ะรู้กันหมดล่ะว่านายกวินทร์สามีของคุณนายชวนชมน่ะเจ้าชู้ขึ้นชื่อแค่ไหน เห็นผู้หญิงสวยๆ ไม่ได้เป็นได้แจกขนมจีบเสียทุกราย แถมคารมเป็นต่อรูปก็หล่ออ่อนกว่าวัยสาวที่ไหนเจอลีลามหาระรวยของแกเข้าไปเคลิ้มทุกคนสิน่า แม่สาวญี่ปุ่นนั่นก็เหมือนกัน ขนาดคุยกันไม่รู้เรื่องสักคำยังยืนส่งภาษาใบ้พูดกันได้