SOTUS : พี่ว้ากตัวร้ายกับนายปีหนึ่ง
Special คิดถึง [2]
...สถานที่เดทของพวกเขาคือห้อง 608
ในยามบ่ายที่ฝนตกพรำ ๆ แค่เพียงเปิดระเบียงห้องพอให้ลมเย็น ๆ พัดเข้ามาจนได้กลิ่นดินชื้นจาง ๆ ก็ถือเป็นการสร้างบรรยากาศชวนง่วงนอนได้สมบูรณ์
ก้องภพหรี่เสียงโทรทัศน์ลง เมื่อเห็นว่าแขกคนสำคัญ ปล่อยให้หนังกลายเป็นฝ่ายดูตนเองเสียแทน
ใบหน้าเกลี้ยงเกลาอ่อนกว่าอายุจริงซบลงบนหมอนอิง นัยน์ตาคมที่มักขึงดุอยู่เสมอ ยามนี้ปิดสนิท เส้นผมซึ่งเคยไว้ยาวถูกตัดสั้นให้เห็นแนวต้นคอไล้จนถึงกระดูกไหปลาร้าโผล่พ้นออกมานอกเสื้อยืดสีดำ ลมหายใจผ่อนเข้าออกเบา ๆ บ่งบอกว่าเจ้าตัวกำลังตกอยู่ในห้วงนิทราอันแสนสบาย
...ดีแล้วที่เป็นแบบนั้น เพราะเขาอยากให้ห้องนี้เป็นสถานที่ที่อีกฝ่ายผ่อนคลายและสบายใจเมื่อได้อยู่
ผ่านมาสองปีนับตั้งแต่เขาคบกับพี่อาทิตย์ สิ่งละอันพันน้อยค่อย ๆ เปลี่ยนไป ...เขากลายเป็นเฮดว้ากปีสาม ส่วนพี่อาทิตย์เริ่มต้นทำงานในบริษัทซึ่งอยู่ห่างจากมหาวิทยาลัยค่อนข้างไกล เวลาเจอกันน้อยยิ่งกว่าน้อย เพราะต่างคนต่างยุ่ง ...ฉะนั้น จึงหาโอกาสมาพบกันได้แค่เดือนละไม่เกินสามสี่ครั้ง
วันนี้เป็นเดทแรกในรอบสองอาทิตย์ และคนนัดเจอก็เป็นพี่อาทิตย์ ซึ่งโทรมาบอกว่าจะเอาของฝากจากเชียงใหม่มาให้ หลังถูกบริษัทส่งตัวไปดูงานห้าวันเต็ม
บ่ายโมงตรงเขาได้ยินเสียงเคาะประตูห้อง พี่อาทิตย์ยื่นถุงใส่น้ำพริกหนุ่ม แคปหมู ไส้อั่ว กับข้าวเหนียวส่งให้ ก่อนจะลากกระเป๋าเดินทางใบเล็กเข้ามาในห้องด้วยสีหน้าหงุดหงิด บ่นงึมงำว่ารอกระเป๋าจากไฟล์ทนานเป็นชาติ แถมยังโดนแท็กซี่ปฏิเสธไม่มาส่งที่หอเขาตั้งหลายคัน พอเรียกได้ก็ดันขับพาไปวนอ้อม ซ้ำฝนยังมาตกให้รถติดหนักเข้าไปอีก
พอเขาถามว่าทำไมถึงไม่กลับหอตัวเองไปก่อน ค่อยเอาของฝากมาให้วันหลังก็ได้ เพราะระยะทางจากสนามบินไปถึงหอพี่อาทิตย์อยู่ใกล้กว่าหอเขามาก สีหน้าหงุดหงิดที่มีอยู่แล้วก็ยิ่งเพิ่มขึ้น พร้อมคำอธิบายด้วยน้ำเสียงกระแทกสั้น ๆ
“ผมกลัวของกินจะเสีย!”
ดูวันที่ระบุบนกระปุกน้ำพริกก็คือวันเดียวกับวันนี้ คล้ายเพิ่งถูกซื้อจากตลาดมาตอนเช้าจึงไม่น่าจะเสียเร็วขนาดนั้น แต่ในเมื่อพี่อาทิตย์อ้างเหตุผลมาแล้ว ก็ต้องเป็นไปตามที่เจ้าตัวว่า
ก้องภพจึงหันไปจัดการกับของฝากทั้งหมดด้วยการเทใส่จาน เดาว่าคนที่รีบบึ่งออกมาจากสนามบินคงไม่ได้ทานข้าวเที่ยงมาเหมือนกัน ดังนั้น ใช้เวลาแค่ครึ่งชั่วโมง อาหารเมืองเหนือก็หายวับลงกระเพาะผู้ชายสองคน
ฝนด้านนอกยังคงตกอยู่ พี่อาทิตย์ขี้เกียจกลับไปติดแหง็กอยู่บนแท็กซี่ เจ้าของห้องเลยเสนอให้เปิดหนังฆ่าเวลาระหว่างรอฝนหยุด เป็นหนังแอคชั่นเก่า ๆ ที่เขาเคยได้ยินมาว่าพี่อาทิตย์อยากดู แต่พอเริ่มเล่นไปได้แค่หนึ่งในสาม คนหนังท้องตึงหนังตาหย่อนก็หลับสนิทไปเรียบร้อย
ก้องภพหยิบโรโมท ตัดสินใจกดปิดทีวี เพราะตอนนี้สมาธิไม่ได้จดจ่ออยู่กับหนังอีกแล้ว เขาค่อย ๆ ขยับตัวขึ้นไปบนเตียง พยายามผ่อนน้ำหนักไม่ให้รบกวนร่างที่นอนอยู่ใกล้ ๆ
...รู้ว่าอีกฝ่ายคงเหนื่อยจากการเดินทาง แต่ก็ยังอุตส่าห์รีบมาหา เขาไม่ควรจะเห็นแก่ตัว หากพอได้มองใบหน้าของคนที่ไม่ค่อยได้เจอกันชัด ๆ ก็ไม่อาจห้ามใจตนเองได้
ก้องภพโน้มตัว แนบริมฝีปากจรดลงไปทาบทับในตำแหน่งเดียวกัน ลมหายใจซึ่งรินรดเบา ๆ ยังคงเป็นจังหวะสม่ำเสมอคล้ายคนโดนขโมยจูบไม่รู้สึกตัว เขาเพิ่มน้ำหนักให้มากขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป ในที่สุดก็ได้ยินเสียงอืออาอย่างรำคาญเล็ดรอดออกมา ทว่าเปลือกตาคนง่วงก็ยังปิดสนิท
เขาเปลี่ยนเป้าหมายไปตรงต้นคอ ฉกชิมมันราวกับของหวานหลังมื้ออาหาร ไล่ระเรื่อยจากใบหู สันกราม จนถึงแนวไหปลาร้า ขยับมือเข้าไปใต้เสื้อยืดสีดำสัมผัสผิวหนังอุ่นไอที่ให้ความรู้สึกดี กำลังจะเปลี่ยนตำแหน่งให้ต่ำลงกว่านั้น แต่อยู่ ๆ ก็ถูกมือหนึ่งคว้าเอาไว้ พร้อมเสียงถามห้วน ๆ
“จะทำอะไร”
“ขอของฝากครับ”
“ก็ได้ไปแล้วไง”
“ยังไม่พอครับ”
“ฮะ? ไม่พอ คุณโลภมากตั้งแต่เมื่อไร”
ก้องภพสบนัยน์ตาคมราวกับจะสื่อความนัย เอ่ยตอบด้วยการยอมรับ
“...ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เจอพี่อาทิตย์ครับ ผมไม่เคยหยุดที่จะอยากได้ทุกความรู้สึกจากพี่อาทิตย์เลย ทุก ๆ วันมันมีแต่จะมากขึ้น...มากขึ้น...”
สิ้นประโยคที่คล้ายคำสารภาพแสนหวาน ใบหน้าของคนที่อยู่นอนก็เบนหลบไปอีกด้าน กระนั้นก็ยังไม่วายพูดประชด
“เอาความรู้สึก ‘เลี่ยน’ ไปก่อนแล้วกัน”
“เปลี่ยนเป็นความรู้สึก ‘กลมกล่อม’ ดีกว่ามั้ยครับ?”
ก้องภพแนะนำ และเขาก็เผลอยิ้มเมื่อได้ยินเสียงงึมงำกับหมอนเบา ๆ
“...ถ้าทำได้ก็ทำ...”
หลังจากได้รับอนุญาต สองชั่วโมงถัดมาพวกเขาสองคนก็นอนหมดแรงน็อคบนเตียง แม้ไม่ได้ทำจนขั้นสุดท้าย เพราะถูกคนเหนื่อยหนักมาตลอดวันห้ามไว้ แต่เท่านี้ก็เพียงพอจะเติมเต็มความขาดหายของกันและกันได้
...ฝนหยุดตกแล้ว หกโมงเย็นท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนสี ได้เวลาที่ใครอีกคนต้องกลับ ทว่าก้องภพก็ยังพยายามยื้อด้วยการชวนออกไปกินก๋วยเตี๋ยวใต้หอเป็นมื้อเย็น ก่อนจะช่วยลากกระเป๋าเดินมาส่งพี่อาทิตย์ขึ้นแท็กซี่
“ถึงแล้วไลน์หาผมนะครับ”
“อืม”
พี่อาทิตย์รับคำง่าย ๆ แล้วปิดประตูรถโดยไม่มีการร่ำลาอาลัยมากกว่านั้น ก้องภพมองแท็กซี่คันสีเหลืองเคลื่อนห่างไปบนถนน แล้วจึงรีบล้วงสมาร์ทโฟนขึ้นมากดเบอร์โทรออก
สัญญาณดังเพียงสองครั้งก็ถูกกดรับ เสียงถามงง ๆ ของคนที่เพิ่งห่างกันดังมาจากปลายสาย
“มีอะไร”
“ไม่มีครับ...แค่คิดถึง...”
“บ้าเปล่า เพิ่งแยกกันไม่ถึงนาทีเลย”