องค์นี้เป็นพระกริ่งสายรก เนื้อทองผสม สร้าง 200 องค์ มีแป้งเจิม เดิมๆ จากญาท่านสวน สวย หายาก พื้นที่เก็บกันเงียบ
พระกริ่งสายรกพระพุทธเจ้า ปี 2539
> การสร้างพระกริ่งสายรกพระพุทธเจ้า เป็นดำริจาก "ญาท่านสวน" ที่ต้องการสร้างไว้เพื่อเป็นการสืบทอดพระพุทธศาสนาเป็นสำคัญ ส่วนผลพลอยได้คือปัจจัยจากการที่มีผู้ร่วมบริจาคทรัพย์ในการสร้างครั้งนี้ ท่านให้นำไปก่อตั้งเป็นมูลนิธิ "อาทรพัฒนคุณ" ซึ่งมีวัตถุประสงค์ให้ใช้จ่ายในกิจกรรมทางพุทธศาสนา เป็นทุนฉุกเฉินเวลาภิกษุสามเณรอาพาธ เป็นทุนอาหารกลางวันและทุนการศึกษาสำหรับเด็ก
- การสร้างตามตำราโบราณนั้นจะสร้างยากมาก กล่าวคือจะต้องพิถีพิถันตั้งแต่มวลสารโลหะธาตุ การลงอักขระเลขยันต์ 108 นปถมัง 14 นะ การคำนวณฤกษ์ยาม วิธีการ และพิธีกรรม อีกทั้งค่าใช้จ่ายก็สูง ในการสร้างครั้งนี้หลวงปู่ญาท่านสวนท่านได้ให้ทุนปฐมฤกษ์เป็นเงิน 5,000 บาท การเตรียมการนั้นเป็นเวลา 1 ปีเต็ม มีอุปสรรคหลายประการเกิดขึ้น แต่ทุกอย่างก็ผ่านพ้นไปด้วยดี ก็เพราะบารมีของญาท่านสวน
- การสร้างพระกริ่งครั้งนี้ อยากจะให้เป็นเกียรติประวัติแก่วัดนาอุดม จึงได้กราบทูลขอสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปรินายก และทรงพระเมตตาอธิษฐานจิตลงอักขระ บนแผ่นทอง เพื่อนำไปเป็นชนวนในการเททองหล่อ นอกจากนี้ยังมีพระเถรานุเถระชั้นสมเด็จอีก 8 รูป คือ
1. สมเด็จพระพุทธปาพจนบดี วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม
2. สมเด็จพระมหามุณีวงศ์ วัดนรนาถสุนทริการาม
3. สมเด็จพระพุทธาจารย์(เกี่ยว) วัดสระเกศ
4. สมเด็จพระมหาธีราจารย์(นิยม) วัดชนะสงคราม
5. สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์(ช่วง) วัดปากน้ำภาษีเจริญ
6. สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม
7. สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์(พุฒ) วัดสุวรรณาราม
8. สมเด็จพระวันรัต วัดเทพศิรินทราวาส
และยังมีสุดยอดพระเกจิคณาจารย์ทั่วประเทศอีก 168 รูป ร่วมแผ่เมตตาอธิษฐานจิตลงอักขระบนแผ่นทองเพื่อนำมาเป็นชนวนในการหล่อในครั้งนี้ด้วย
- สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ ทรงพระเมตตาประทานไฟพระฤกษ์ ในวันประกอบพิธีเททองหล่อพุทธาภิเษก เมื่อวันขึ้น 15 ค่ำ วันอังคาร ที่ 24 ธันวาคม 2539 ซึ่งเป็นวันที่ญาท่านสวน กำหนดให้เป็นวันเททอง ตามตำราของท่านถือว่าเป็นวันครูและเป็นวันที่แข็งที่สุดในรอบ 1 ปี
- ท่านอาจารย์อรรถพล กิตฺติโก ได้ให้ความเมตตามาเป็นเจ้าพิธี และทำพิธีบวงสรวงบูชาครู ลงแผ่นพระยันต์ 108 นะปถมัง 14 นะ และควบคุมผสมมวลสารโลหะธาตุ
ท่านอาจารย์อรรถพลเป็นผู้หนึ่งที่มีความแตกฉานและเชี่ยวชาญในการผสมโลหะธาตุ และท่านยังได้มอบชนวนนวโลหะ มาเป็นส่วนผสมในครั้งนี้ด้วย และนอกจากนี้ยังมีชาวบ้านนำเอาเครื่องใช้โบราณและทองคำลาวมาร่วมบริจาคและผู้ที่ศรัทธานำโลหะศักดิ์สิทธิต่างๆ มาร่วม ผสมในการหล่ออีกเป็นจำนวนมาก นอกจากการสร้างครั้งนี้แล้วท่านเคยกล่าวย้ำว่า ต่อไปแม้กระทั่งรูปถ่ายของท่านก็จะหาไม่ได้
- ท่านพระครูศิวาจารย์ พระครูพราหมณ์ เป็นผู้คำนวณฤกษ์ผานาทีและบวงสรวงอัญเชิญเทพยดาทั่วท้องจักรวาลมาร่วมอนุโมทนาในพิธี และท่านได้กล่าวว่าพิธีครั้งนี้เยี่ยมมาก พระกริ่งรุ่นนี้ถือกำเนิดขึ้นในถิ่นอีสาน จึงได้มีการกำหนดให้สวดพุทธาภิเษกแบบภาคกลางอยูบนพระอุโบสถ 1 ชุด 4 รูป และสวดไชยหรือสวดพุทธาภิเษกแบบอีสานอยู่ข้างล่างหน้าบริเวณปริมณฑลเททองอีก 1 ชุด จำนวน 9 รูป ท่านพระครูศิวาจารย์ยังกล่าวชมว่า พระสวดได้ไพเราะมาก อีกทั้งพระเกจิคณาจารย์ที่มาร่วมนั่งปรกอธิษฐานจิตครั้งนี้ ท่านนั่งปรกนานเต็มเปี่ยมมาก
- พระคณาจารย์ที่มาร่วมพิธีในวันนั้นได้แก่ หลวงปู่คำพันธ์ วัดธาตุมหาชัย , หลวงปู่กิ วัดสนามชัย , หลวงปู่เคน วัดแซอุดมสุข ซึ่งเป็นเกจิที่มีความคุ้นเคยกับญาท่านสวน และล้วนแต่เป็นศิษย์สายในเดียวกันด้วย
ท่านพระครูศิวาจารย์ท่านเห็นความพร้อมอย่างนี้ ท่านอยากให้พระกริ่งรุ่นนี้เป็นรุ่นประวัติศาสตร์ ท่านจึงขอให้นิมนต์เกจิทุกรูปลงมาร่วมจับด้ายสายสิญน์เททองพร้อมกับหลวงปู่ญาท่านสวนด้วย
> หลังจากได้ทำพิธีเททองหล่อพุทธาภิเษกพระกริ่งสายรกพระพุทธเจ้าและวัตถุมงคลอื่น ๆ ไปแล้ว เมื่อวันที่ 24 ธ.ค. 2539 วันนั้นช่างทำการทุบเบ้าเพื่อที่จะได้นำพระไปถวายให้ญาท่านสวนดู ท่านยิ้มและกล่าวชมว่า พอใจ ... พอใจ สวยงามมาก
แม้กระทั่งช่างผู้ทำการเททองยังกล่าวว่า สวยงามกว่าที่คิด สิ่งที่หวั่นใจจะมีปัญหากลับไม่มีปัญหา หลังจากนั้นได้นำพระทั้งหมดไปตัดแต่งช่อที่ จ.นครปฐม มีกำหนดให้เสร็จภายใน 20 วัน
- วันเสาร์ ที่ 25 ม.ค. 2540 ทางผู้จัดสร้างได้นำวัตถุมงคลทั้งหมดไปไว้ในอุโบสถเพื่อตอกโค๊ดที่องค์พระ ก่อนเริ่มทำการตอกได้จุดธูปเทียนบอกกล่าวขออนุญาตองค์พระประธานภายในอุโบสถก่อน หลังจากนั้นจึงตอกโค๊ดตลอดทั้งวัน โดยคณะกรรมการได้สลับเปลี่ยนกันตอกจนถึงช่วงเย็นจึงเสร็จ จากนั้นได้ช่วยกันจัดเตรียมสถานที่เพื่อที่จะให้ญาท่านสวนอธิษฐานจิตปลุกเสก ภายในอุโบสถซึ่งเป็นโบสถ์มหาอุต คือมีประตูเข้า-ออกประตูเดียว
- เวลาประมาณ 20.30 ได้นิมนต์ญาท่านสวนมาที่อุโบสถ และจุดธูปปักไว้ด้านนอกอุโบสถ พอท่านมาถึงท่านได้นั่งบนอาสนะที่จัดเตรียมไว้ให้ืท่านได้หยิบวัตถุมงคลขึ้นมาดูอย่างพิจารณาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความอิ่มเอิบ จากนั้นท่านได้ลุกไปจุดธูปเทียนที่หน้าโต๊ะหมู่ เสร็จแล้วกลับมานั่งที่อาสนะ
- พอถึงเวลา 21.00 ท่านได้หันกลับมาทางพระประธาน ทุกคนทราบทันทีว่าท่านกำลังเริ่มอธิษฐานจิต จากนั้นท่านได่ค่อยหลับตาลงเบา ๆ แล้วได้เริ่มสวดมนต์ภาวนาอยู่นานเกือบครึ่งชั่วโมง เสร็จแล้วท่านได้เปลี่ยนอริยาบถใหม่เป็นท่านั่งสมาธิ เวลาผ่านไป 1 ชั่วโมง ร่างกายของท่านนิ่งมาก ทุกส่วนของร่างกายไม่ไหวติงเลย ท่านคงจะต้องเข้าฌาณระดับใดระดับหนึ่ง
- เวลาได้ผ่านไป 2 ช.ม. 14 นาที ท่านจึงได้ออกจากสมาธิ ท่านหันมาถามว่า "กี่ทุ่มแล้ว" แล้วกรรมการท่านหนึ่งตอบท่านไปว่า 5 ทุ่ม 14 นาทีครับ ท่านยิ้มและพยักหน้าให้พร้อมบอกว่า "พอแล้ว" สักครู่จึงได้กราบนิมนต์ท่านกลับกุฏิ
- หลังจากหลวงปู่ญาท่านสวนกลับถึงกุฏิ กรรมการท่านหนึ่งได้ถามว่า "หลวงปู่ครับ หลวงปู่ทราบได้อย่างไรว่า พระกริ่งและวัตถุมงคลรุ่นนี้หลวงปู่อธิษฐานจิตพอแล้ว" ท่านตอบว่า "รู้ได้เฉพาะตน ตนเองปลุกเสก ก็ต้องรู้ด้วยตนเอง" ท่านบอกอีกว่า "ตอนแรกจะนั่งถึงเที่ยงคืน แต่มันเต็มเสียก่อน ก็ไม่รู้จะใส่อะไรลงไปอีก เพราะอะไร ๆ ก็ใส่ลงไปจนคร