ตอนนี้ของเขา หมายความถึงตอนหลังจากจบงานแต่งงานมาหมาด ๆ แม้ใจจะร่วมยินดีในความรักของคู่บ่าวสาว ทว่าพอย้อนมองกลับในมุมของตัวเอง มันก็อดเจ็บแปล๊บขึ้นมาลึก ๆ ไม่ได้
เขารู้...ความรู้สึกของเขาที่ก่อตัวขึ้นคงยากจะยอมรับ อย่าว่าแต่ในสังคมเลย แค่ตัวตนของเขาก็ยังก้ำกึ่ง แล้วกับคนที่เขาเอาใจไปผูกด้วย จะไปเรียกร้องเร่งรัดอะไรเพิ่ม คงไม่มีทางเป็นไปได้ แต่จะห้ามไม่ให้เขาคิดอะไรเลย ก็ไม่มีทางเป็นไปได้เหมือนกัน
เขาบอกพี่เปิ้ลให้กลับกันไปก่อน เพราะเขาไม่อยากจะพาตัวเองไปนอนหอ เพื่อเฝ้ามองระเบียงห้องฝั่งตรงข้ามเพียงลำพัง สู้อยู่คนเดียวเดินใช้สมาธิทบทวนความคิดเงียบ ๆ จะดีกว่า
แต่พอคล้อยหลังจากเขายืนส่งพวกพี่เปิ้ลตรงลานจอดรถไม่ทันไร เขาก็เห็นพี่อาทิตย์วิ่งลงจากโรงแรมตรงมา แล้วมองซ้ายขวาเหมือนพยายามตามหาคน เขานึกว่าพี่อาทิตย์จะรีบตามพี่น็อตไปขึ้นรถ ทว่าเขาก็ยังเห็นพี่อาทิตย์ยืนอยู่อย่างนั้น จนอดห่วงไม่ได้ กระทั่งต้องเดินเข้ามาทัก
หากบางทีมันคงสร้างความอึดอัดใจให้พี่อาทิตย์จริง ๆ เพราะตอนเจอกันในงานแต่ง พี่อาทิตย์ยังทำท่าเกร็ง ๆ เวลาคุยกับเขา จะเป็นเพราะพี่อาทิตย์รู้สึกรังเกียจ หรือเพราะอะไรก็ไม่แน่ใจ แต่เขาไม่อยากให้พี่อาทิตย์ต้องมาฝืนใจกัน
ครั้งนี้ก็ไม่ต่าง... เขาน่าจะเตือนตัวเองก่อนที่อยู่ ๆ จะเดินมาทักพี่อาทิตย์ ตอนนี้เจ้าตัวเลยเอาแต่ยืนนิ่ง ๆ ปล่อยให้ความเงียบครอบคลุมพวกเขาไว้ ในเมื่อรู้ตัวว่าความผิดอยู่ที่ใคร เขาก็น่าจะเป็นฝ่ายไป...
ก้องภพถอนหายใจเบา ๆ เตรียมจะหมุนตัวเดินออกไปอีกทางโดยไม่เอ่ยคำลา ทว่ายังไม่ทันขยับ เสียงจากคนตรงหน้ากลับเปรยถามสั้น ๆ
“คุณหิวมั้ย”
ประโยคแบบไม่มีที่มาที่ไปทำให้ก้องภพเลิกคิ้วงง ๆ
...มันก็จริงอยู่ว่าเขาอาจหิวนิดหน่อย ถึงงานแต่งพี่ตั้มพี่ฝนจะจัดเลี้ยงแบบโต๊ะจีน แต่เขาก็ไม่ได้กินเยอะแยะอะไรเท่าไร แต่ที่เขาไม่เข้าใจคือ พี่อาทิตย์จะถามไปทำไม หรือมันจะเป็นรูปแบบเดียวกันกับเมื่อครั้งที่พี่อาทิตย์ถามเขาว่าสบายดีมั้ย โดยที่พี่ไม่รู้เลยว่าการทำเหมือนห่วงกันอย่างนี้ มันจะยิ่งสร้างความหวังให้เขาเพิ่มไปอีก
ก้องภพตั้งใจจะอธิบายให้เจ้าตัวเข้าใจอีกครั้ง ทว่ายังไม่ทันขยับปาก คู่สนทนาดันเป็นฝ่ายชิงพูดสรุปด้วยความรวดเร็ว
“ผมหิว ไปหาอะไรกินเป็นเพื่อนผมหน่อย”
จบคำ คนหิวก็หันหลังก้าวเดินออกไปจากลานจอดรถทันที ทิ้งให้คนมึนงงประมวลผลในข้อความที่ได้ยิน ซึ่งแปลออกมาได้ว่าอีกฝ่ายกำลังชวนเขาไปด้วยหาอะไรกินด้วยกัน
แม้จะยังไม่เข้าใจในการกระทำของพี่อาทิตย์ แต่ก้องภพก็ไม่อาจห้ามขาตัวเองให้ก้าวตามหลังไปต้อย ๆ มุ่งหน้าออกจากในซอยโรงแรม เดินไปยังถนนสายหลักซึ่งมีรถวิ่งอยู่ประปรายเป็นระยะทางพอสมควร ก่อนจะถึงร้านชายสี่หมี่เกี๊ยวที่เปิดขายโดยยึดฟุตบาทเป็นที่วางโต๊ะเก้าอี้ มีลูกค้านั่งอยู่สองสามคน
ก้องภพนั่งลงตามพี่อาทิตย์ที่โต๊ะตัวหนึ่ง ก่อนพี่ผู้ชายคนขายก๋วยเตี๋ยวจะเดินมารับออเดอร์ ซึ่งคนชวนก็เอ่ยสั่งอย่างรวดเร็วเป็นคนแรก
“เฮีย ผมเอาบะหมี่เกี๋ยวต้มยำพิเศษครับ”
“งั้นของผมเอาเส้นเล็กน้ำใสลูกชิ้นครับ”
เมนูประจำที่เขาสั่ง ตอนแรกเขานึกว่าพี่อาทิตย์จะแอบกลั้นขำ หากคนตรงข้ามกลับไม่ได้พูดว่าอะไร แค่ขยับมือคลายปมเนคไทด์จากเสื้อเชิ้ต ซึ่งเขาเองก็เพิ่งนึกได้เหมือนกันว่ากำลังแต่งตัวด้วยสูทเต็มยศมานั่งกินก๋วยเตี๋ยวอยู่ข้างทาง มิน่าคนโต๊ะอื่นถึงมองเขาด้วยสายตาแปลก ๆ แต่พี่อาทิตย์ก็คล้ายจะไม่แคร์อะไร หรือไม่แน่ที่พี่อาทิตย์ชวนเขา เพราะอาจแค่กำลังหิวจริง ๆ
ความสับสนมากมายเริ่มก่อตัวขึ้นในสมอง แต่เขาไม่รู้จะเริ่มต้นพูดยังไง จึงได้แต่ปล่อยให้ก๋วยเตี๋ยวสองชามมาเสิร์ฟถึงโต๊ะ
...ชามหนึ่งบะหมีเกี๊ยวต้มยำ ชามหนึ่งเส้นเล็กน้ำใส มันชวนให้หวนคิดถึงภาพซ้อน เมื่อครั้งเขาได้ไปกินก๋วยเตี๋ยวกับพี่อาทิตย์ครั้งแรก แล้วถูกเจ้าตัวสลับเปลี่ยนชามแลกกัน ด้วยเหตุผลว่าอยากให้เขาลองรสชาติใหม่ ๆ และพี่อาทิตย์ก็ตั้งใจสั่งมาให้เขา
...เหตุผลง่าย ๆ แต่กลับทำให้เขาใจสั่น จนกลายเป็นความหวั่นไหวมากขึ้นเรื่อย ๆ