ประวัติผงพรายกุมาร หลวงปู่ทิม ฉบับดร.ภิเษก ศรีสวัสดิ์ คนบ้านค่าย เลือดบ้านค่ายโดยกำเนิด..ผู้เขียนความจริง"
"กำเนิดพรายกุมารหลวงปู่ทิม อิสริโก วัดละหารไร่"
"Little Bitty Baby Prai KuMarn Luang Pu Tim Wud LaHarnRai 1962-1972,Bankhai District,Rayong Province"
"เจ้าพรายน้อยปีขาลวันอังคารบ้านค่ายระยองกู่ก้อง
เรียกร้องความถูกต้องตอบสนองความเป็นจริงสิ่งเป็นมา"
"กำเนิดพรายกุมารปีพ.ศ.2493 ครั้งแรกครั้งเดียวของโลก"
ในปีพ.ศ.2493 หรือค.ศ.1950 มีเหตุการณ์สำคัญของไทยและของโลกเกิดขึ้นหลายความสำคัญที่น่าจดจำ เริ่มจากช่วงต้นปีจากการเสด็จพระราชดำเนินนิวัติพระนคร ประเทศไทยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 หลังทรงสำเร็จการศึกษาวิทยาศาสตร์บัณฑิตย์ คณะวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยโลซานน์ สวิตเซอร์แลนด์
28 เมษายน พ.ศ.2493 ทรงอภิเษกสมรสกับสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ
5 พฤษภาคม พ.ศ.2493 รัชกาลที่ 9 เสวยเศวตรฉัตรมงคลเป็นครั้งที่ 2 ส่งผลให้วันที่ 5 พ.ค.ของทุกปีเป็น"วันฉัตรมงคล"
อีกด้านหนึ่งของภูมิภาคเอเชียตะวันออก "สงครามเกาหลี" ที่เป็นจุดเริ่มต้นของการแบ่งแยกประเทศเป็น"เกาหลีเหนือ กับ เกาหลีใต้ ได้ประทุขึ้นในเดือนมิถุนายน พ.ศ.2493 ก่อนที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่9 จะลงพระปรมาภิไธยส่งทหารไทยไปช่วยเกาหลีใต้รบป้องกันประเทศในเดือนตุลาคมปีเดียวกัน
กลับมาที่วัดละหารไร่(วัดไร่วารี)ท้องที่ต.ละหาร บ้านค่าย ระยองในปีพ.ศ.2493 (ต่อมาต.ละหารแยกตัวออกไปจากอำเภอบ้านค่าย ไปตั้งเป็นกิ่งอำเภอปลวกแดงร่วมกับต.ตาสิทธิ์เมื่อปีพ.ศ.2513 และยกฐานะเป็นอำเภอปลวกแดงปีพ.ศ.2522 ส่วนวัดละหารไร่ ปัจจุบันขึ้นกับต.หนองละลอก บ้านค่าย ระยองตามการแบ่งเขตปกครองด้วยสภาพภูมิศาสตร์ วัฒนธรรมและการติดต่อสัมพันธ์ในอดีต
ปีพ.ศ.2493 มีการค้นพบหญิงสาวตายทั้งกลมที่วัดละหารใหญ่ ที่สำคัญได้เสียชีวิตลงเมื่อวันเสาร์และกำหนดเผาหรือฝังในวันอังคารตามตำราโบราณพอดี "ตายวันเสาร์ เผาวันอังคาร"หลังทราบข่าวหลวงปู่ทิม อิสริโก พระเถระที่มีชื่อเสียงเรื่องพืชสมุนไพรรักษาโรคหรือเป็นพระหมอยาที่มีถิ่นพำนักอยู่ในป่าตามสภาพของวัดละหารไร่ ณ เวลานั้นมีวัย 71 ปีย่าง 72 ปี 48 พรรษาบวช ได้คำนวณการเกิดของทารกน้อยหากลืมตาดูโลกจะเกิดตรงกับวันอังคาร ปีขาลพอดีซึ่งก้อตรงตามตำรายิ่งขึ้นไปอีก โดยผู้เข้าไปทำพิธีขอร่าง'พ่อพรายน้อย'จากแม่ที่ตายทั้งกลมในครั้งนั้นคือโยมสาย แก้วสว่าง ลูกศิษย์คนสนิทของหลวงปู่ทิมกับสามเณรสาคร(ต่อมาคือหลวงพ่อสาคร อดีตเจ้าอาวาสวัดหนองกรับ) สาเหตุที่โยมสาย แก้วสว่างเลือกสามเณรสาครให้ไปด้วยกับตนเองนั้นก้อเพราะสามเณรสาคร เกิดพ.ศ.2481 ปีขาล วันอังคารมีอายุมากกว่า'พ่อพรายน้อย'หากได้กำเนิดมาเป็นทารก 1 รอบเท่ากับว่าเกิดปีขาล วันอังคารเช่นกันดังนั้นจึงต้องพาสามเณรสาครไปช่วยตามเคล็ดลับวิชา "เสือย่อมไม่กินเนื้อเสือ"และก้อทำสำเร็จได้พรายกุมารมาทำตามตำราพิธีโบราณทุกอย่างจนได้"ผงพรายกุมาร หลวงปู่ทิม"อันลือลั่นไปทั่วปฐพี
ปีพ.ศ.2505-2515 คือระยะเวลาการสร้างพระผงพรายกุมาร หลังจากที่หลวงปู่ทิม อิสริโก มีวัยเกิน 80 ปีคือ 83 ปีเพราะหากยังมีอายุไม่ถึงพระพุทธเจ้าที่ดับขันธ์ปรินิพพานในวัย 80 พรรษาแล้วหลวงปู่ทิม จะสร้างแต่"ตะกรุด"และเครื่องรางของขลังเช่นปลัดขิกทำจากไม้แก่นคูณตายพราย,พระขรรค์/กริชที่ทำจากไม้พญาดำดง ไม้ชนิดนี้ปัจจุบันสูญพันธ์ุไปแล้วโดยหลวงปู่ทิม ให้ลูกศิษย์ไปนำมาจากดงพญาเย็น ปราจีนบุรีไปกลับโดยคาราวานเกวียน 3 เล่มใช้เวลาประมาณเกือบหนึ่งเดือน ไม้พญาดำดงที่นำมายืนต้นตายมาแล้วหลายร้อยปี('ดงพญาเย็น'แต่เดิมเรียก'ดงพญาไฟ'ต่อมารัชกาลที่5 ทรงเปลี่ยนชื่อเรียกเพราะระหว่างสร้างทางรถไฟสายแรกกรุงเทพฯ-นครราชสีมาในปีพ.ศ.2436 เกิดไข้ป่าและไข้มาลาเรียรวมทั้งอหิวาตกโรค มีผู้คนที่บ้านปากช่องเขา หรือเขตอำเภอปากช่องในปัจจุบันเสียชีวิตมากกว่า1,000 คนจึงเปลี่ยนชื่อเพื่อให้เย็นลง)ผ้ายันต์/เสื้อยันต์,ธง,ไม้แกะเป็นรูปสัตว์อาทินกสาริกาคู่,ลิงแกะ,เสือแกะจากกรามช้างน้ำ,ชูชกแกะจากไม้คูณตายพรายและพระปิดตาไม้ตับเต่าเป็นต้น
โดยหลังจากทำผงพรายกุมารเสร็จท่านได้เก็บไว้โดยไม่ได้ทำอะไรเพราะมีความเชื่อว่ายังไม่ถึงเวลาที่ท่านจะมีอายุเท่าพระพุทธเจ้าในวัย 80 ปี
จนกระทั่งปีพ.ศ.2503 หลวงปู่ทิมในวัย 81 ปี 57 พรรษาบวชได้สร้างพระผงโสฬสมหาพรหมเช่นพระปิดตา,พระพิมพ์พระผงสุพรรณ,พระพิมพ์สัตตนาเคฯลฯ
ปีพ.ศ.2505-2515 เริ่มต้นสร้าง'พระผงพรายกุมารพิมพ์นางพญา'เป็นพิมพ์แรกตามคตินิยมที่ต้องสร้างตัว"แม่"ขึ้นมาก่อน ถัดมาก้อ'พระผงพรายกุมารพิมพ์พลายเพชรพลายบัว'ต่อด้วย'พระผงพรายกุมารพิมพ์สิวลี'ที่เป็นดำริสร้างของหลวงปู่ทิม หากมีไว้ครอบครองจะไม่อดอยากหากินได้คล่องตัวและสร้าง'พระผงพรายกุมารพิมพ์เศียรโต/เศียรเล็ก'รวมทั้ง'พระพิมพ์ขุนแผนผงพรายกุมารทั้งพิมพ์เล็กพิมพ์ใหญ่"ที่โด่งดังทั่วประเทศในขณะนี้
แม่พิมพ์ของ"พระพิมพ์ขุนแผนผงพรายกุมาร หลวงปู่ทิม อิสริโก"
แม่พิมพ์แรกหรือ'บล๊อคแรกทำจากไม้ตะเคียน'ที่แกะพิมพ์โดยโยมสาย แก้วสว่าง ต่อมาพัฒนาเป็น'บล๊อคหินมีดโกน' 'บล๊อคทองเหลือง' 'บล๊อคทองเหลืองแต่ง'และ'บล๊อคเหล็ก'
ส่วนผสมของมวลสารที่นำมาใช้กดพิมพ์พระขุนแผนพรายกุมารด้วยมือยุคแรกเริ่มคือเนื้อกระยาสารทผสมผงพรายกุมารซึ่งทำเฉพาะยุคแรกเท่านั้น เนื่องจากพิมพ์อักขระต่างๆบนองค์พระไม่ค่อยชัด ไม่สวยงามตามที่ตั้งใจต่อมาหลวงปู่ทิม ได้คิดค้นการนำเนื้อข้าวเหนียวสุกเสก น้ำข้าวมาผสมกับผงพรายกุมาร โดยมีกลวิธีที่จะให้'กุมารทอง'ได้อาศัยกินข้าวเหนียวสุกเสกเป็นอาหารไปตลอดอายุขัยที่หลวงปู่ทิม คาดคะเนไว้ว่าองค์พระจะมีความแข็งแกร่งคงทนอยู่ได้นานถึงหนึ่งพันปีเป็นอย่างน้อยหากไม่ตกแตกหรือถูกทำให้ชำรุดไปเสียก่อน
ทั้งนี้หลวงปู่ทิม มองการณ์ไกลเรื่องสีขององค์พระที่ใช้น้ำว่านชนิดต่างๆมาผสมเพื่อความเป็นศิริมงคล มหานิยม มหาเสน่ห์ รวมทั้งเป็นสีประจำวันเกิดจึงได้นำว่านชนิดต่างๆมาคั้นน้ำผสมกับผงพรายกุมารและเนื้อข้าวเหนียวสุกเสกรวมทั้งน้ำข้าว ถ้าหากอยากได้สีขาวก้อไม่ต้องผสมน้ำว่าน ใช้ผงพรายกุมารเดิมๆ แต่ถ้าต้องการสีแดง ก้อผสมน้ำปูนกินหมาก/สีชมพู ผสมน้ำว่านสบู่เลือด/สีเหลือง ผสมน้ำว่านดอกทองซึ่งโยมสายไปเอาว่านดอกทองมาจากอ.สัตหีบ ชลบุรีว่านดอกทองนี้จัดเป็นมหาเสน่ห์นิยม หายากมาก/สีเขียว ผสมน้ำเถาวัลย์หลงและน้ำว่านขั
傳記粘膠小精靈孩子提姆博士原 Phisek Sitwat 鑾浦營地的房子的人。營地房屋由出生和血液。......的真相作者。""向皇太后 Pu 蒂姆 · 以撒 · 多裡哥鬼孩子出生。來衡量每個司。"小小嬰兒貝萊 KuMarn 鑾浦添 Wud LaHarnRai 1962-1972 年,Bankhai 區,羅勇府""小幽靈虎星期二,禁止潘文凱,羅勇 Ku 香港。索賠是正確的對什麼事實的反應是來。《 起源 》 曾經在世界第一小精靈 Kumar 2493 (1950 年)"。ในปีพ.ศ.2493 หรือค.ศ.1950 มีเหตุการณ์สำคัญของไทยและของโลกเกิดขึ้นหลายความสำคัญที่น่าจดจำ เริ่มจากช่วงต้นปีจากการเสด็จพระราชดำเนินนิวัติพระนคร ประเทศไทยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 หลังทรงสำเร็จการศึกษาวิทยาศาสตร์บัณฑิตย์ คณะวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยโลซานน์ สวิตเซอร์แลนด์28 เมษายน พ.ศ.2493 ทรงอภิเษกสมรสกับสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ5 พฤษภาคม พ.ศ.2493 รัชกาลที่ 9 เสวยเศวตรฉัตรมงคลเป็นครั้งที่ 2 ส่งผลให้วันที่ 5 พ.ค.ของทุกปีเป็น"วันฉัตรมงคล"อีกด้านหนึ่งของภูมิภาคเอเชียตะวันออก "สงครามเกาหลี" ที่เป็นจุดเริ่มต้นของการแบ่งแยกประเทศเป็น"เกาหลีเหนือ กับ เกาหลีใต้ ได้ประทุขึ้นในเดือนมิถุนายน พ.ศ.2493 ก่อนที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่9 จะลงพระปรมาภิไธยส่งทหารไทยไปช่วยเกาหลีใต้รบป้องกันประเทศในเดือนตุลาคมปีเดียวกันกลับมาที่วัดละหารไร่(วัดไร่วารี)ท้องที่ต.ละหาร บ้านค่าย ระยองในปีพ.ศ.2493 (ต่อมาต.ละหารแยกตัวออกไปจากอำเภอบ้านค่าย ไปตั้งเป็นกิ่งอำเภอปลวกแดงร่วมกับต.ตาสิทธิ์เมื่อปีพ.ศ.2513 และยกฐานะเป็นอำเภอปลวกแดงปีพ.ศ.2522 ส่วนวัดละหารไร่ ปัจจุบันขึ้นกับต.หนองละลอก บ้านค่าย ระยองตามการแบ่งเขตปกครองด้วยสภาพภูมิศาสตร์ วัฒนธรรมและการติดต่อสัมพันธ์ในอดีตปีพ.ศ.2493 มีการค้นพบหญิงสาวตายทั้งกลมที่วัดละหารใหญ่ ที่สำคัญได้เสียชีวิตลงเมื่อวันเสาร์และกำหนดเผาหรือฝังในวันอังคารตามตำราโบราณพอดี "ตายวันเสาร์ เผาวันอังคาร"หลังทราบข่าวหลวงปู่ทิม อิสริโก พระเถระที่มีชื่อเสียงเรื่องพืชสมุนไพรรักษาโรคหรือเป็นพระหมอยาที่มีถิ่นพำนักอยู่ในป่าตามสภาพของวัดละหารไร่ ณ เวลานั้นมีวัย 71 ปีย่าง 72 ปี 48 พรรษาบวช ได้คำนวณการเกิดของทารกน้อยหากลืมตาดูโลกจะเกิดตรงกับวันอังคาร ปีขาลพอดีซึ่งก้อตรงตามตำรายิ่งขึ้นไปอีก โดยผู้เข้าไปทำพิธีขอร่าง'พ่อพรายน้อย'จากแม่ที่ตายทั้งกลมในครั้งนั้นคือโยมสาย แก้วสว่าง ลูกศิษย์คนสนิทของหลวงปู่ทิมกับสามเณรสาคร(ต่อมาคือหลวงพ่อสาคร อดีตเจ้าอาวาสวัดหนองกรับ) สาเหตุที่โยมสาย แก้วสว่างเลือกสามเณรสาครให้ไปด้วยกับตนเองนั้นก้อเพราะสามเณรสาคร เกิดพ.ศ.2481 ปีขาล วันอังคารมีอายุมากกว่า'พ่อพรายน้อย'หากได้กำเนิดมาเป็นทารก 1 รอบเท่ากับว่าเกิดปีขาล วันอังคารเช่นกันดังนั้นจึงต้องพาสามเณรสาครไปช่วยตามเคล็ดลับวิชา "เสือย่อมไม่กินเนื้อเสือ"และก้อทำสำเร็จได้พรายกุมารมาทำตามตำราพิธีโบราณทุกอย่างจนได้"ผงพรายกุมาร หลวงปู่ทิม"อันลือลั่นไปทั่วปฐพีปีพ.ศ.2505-2515 คือระยะเวลาการสร้างพระผงพรายกุมาร หลังจากที่หลวงปู่ทิม อิสริโก มีวัยเกิน 80 ปีคือ 83 ปีเพราะหากยังมีอายุไม่ถึงพระพุทธเจ้าที่ดับขันธ์ปรินิพพานในวัย 80 พรรษาแล้วหลวงปู่ทิม จะสร้างแต่"ตะกรุด"และเครื่องรางของขลังเช่นปลัดขิกทำจากไม้แก่นคูณตายพราย,พระขรรค์/กริชที่ทำจากไม้พญาดำดง ไม้ชนิดนี้ปัจจุบันสูญพันธ์ุไปแล้วโดยหลวงปู่ทิม ให้ลูกศิษย์ไปนำมาจากดงพญาเย็น ปราจีนบุรีไปกลับโดยคาราวานเกวียน 3 เล่มใช้เวลาประมาณเกือบหนึ่งเดือน ไม้พญาดำดงที่นำมายืนต้นตายมาแล้วหลายร้อยปี('ดงพญาเย็น'แต่เดิมเรียก'ดงพญาไฟ'ต่อมารัชกาลที่5 ทรงเปลี่ยนชื่อเรียกเพราะระหว่างสร้างทางรถไฟสายแรกกรุงเทพฯ-นครราชสีมาในปีพ.ศ.2436 เกิดไข้ป่าและไข้มาลาเรียรวมทั้งอหิวาตกโรค มีผู้คนที่บ้านปากช่องเขา หรือเขตอำเภอปากช่องในปัจจุบันเสียชีวิตมากกว่า1,000 คนจึงเปลี่ยนชื่อเพื่อให้เย็นลง)ผ้ายันต์/เสื้อยันต์,ธง,ไม้แกะเป็นรูปสัตว์อาทินกสาริกาคู่,ลิงแกะ,เสือแกะจากกรามช้างน้ำ,ชูชกแกะจากไม้คูณตายพรายและพระปิดตาไม้ตับเต่าเป็นต้นโดยหลังจากทำผงพรายกุมารเสร็จท่านได้เก็บไว้โดยไม่ได้ทำอะไรเพราะมีความเชื่อว่ายังไม่ถึงเวลาที่ท่านจะมีอายุเท่าพระพุทธเจ้าในวัย 80 ปีจนกระทั่งปีพ.ศ.2503 หลวงปู่ทิมในวัย 81 ปี 57 พรรษาบวชได้สร้างพระผงโสฬสมหาพรหมเช่นพระปิดตา,พระพิมพ์พระผงสุพรรณ,พระพิมพ์สัตตนาเคฯลฯปีพ.ศ.2505-2515 เริ่มต้นสร้าง'พระผงพรายกุมารพิมพ์นางพญา'เป็นพิมพ์แรกตามคตินิยมที่ต้องสร้างตัว"แม่"ขึ้นมาก่อน ถัดมาก้อ'พระผงพรายกุมารพิมพ์พลายเพชรพลายบัว'ต่อด้วย'พระผงพรายกุมารพิมพ์สิวลี'ที่เป็นดำริสร้างของหลวงปู่ทิม หากมีไว้ครอบครองจะไม่อดอยากหากินได้คล่องตัวและสร้าง'พระผงพรายกุมารพิมพ์เศียรโต/เศียรเล็ก'รวมทั้ง'พระพิมพ์ขุนแผนผงพรายกุมารทั้งพิมพ์เล็กพิมพ์ใหญ่"ที่โด่งดังทั่วประเทศในขณะนี้แม่พิมพ์ของ"พระพิมพ์ขุนแผนผงพรายกุมาร หลวงปู่ทิม อิสริโก"第一次的模具或 'balok' 首先由從羊列印泰國,他遲到了。玻璃燈後來發展成 'balok' 剃刀 '維斯岩石黃銅'、 '婚姻' 和 '維斯黃銅維斯鋼'。ส่วนผสมของมวลสารที่นำมาใช้กดพิมพ์พระขุนแผนพรายกุมารด้วยมือยุคแรกเริ่มคือเนื้อกระยาสารทผสมผงพรายกุมารซึ่งทำเฉพาะยุคแรกเท่านั้น เนื่องจากพิมพ์อักขระต่างๆบนองค์พระไม่ค่อยชัด ไม่สวยงามตามที่ตั้งใจต่อมาหลวงปู่ทิม ได้คิดค้นการนำเนื้อข้าวเหนียวสุกเสก น้ำข้าวมาผสมกับผงพรายกุมาร โดยมีกลวิธีที่จะให้'กุมารทอง'ได้อาศัยกินข้าวเหนียวสุกเสกเป็นอาหารไปตลอดอายุขัยที่หลวงปู่ทิม คาดคะเนไว้ว่าองค์พระจะมีความแข็งแกร่งคงทนอยู่ได้นานถึงหนึ่งพันปีเป็นอย่างน้อยหากไม่ตกแตกหรือถูกทำให้ชำรุดไปเสียก่อนทั้งนี้หลวงปู่ทิม มองการณ์ไกลเรื่องสีขององค์พระที่ใช้น้ำว่านชนิดต่างๆมาผสมเพื่อความเป็นศิริมงคล มหานิยม มหาเสน่ห์ รวมทั้งเป็นสีประจำวันเกิดจึงได้นำว่านชนิดต่างๆมาคั้นน้ำผสมกับผงพรายกุมารและเนื้อข้าวเหนียวสุกเสกรวมทั้งน้ำข้าว ถ้าหากอยากได้สีขาวก้อไม่ต้องผสมน้ำว่าน ใช้ผงพรายกุมารเดิมๆ แต่ถ้าต้องการสีแดง ก้อผสมน้ำปูนกินหมาก/สีชมพู ผสมน้ำว่านสบู่เลือด/สีเหลือง ผสมน้ำว่านดอกทองซึ่งโยมสายไปเอาว่านดอกทองมาจากอ.สัตหีบ ชลบุรีว่านดอกทองนี้จัดเป็นมหาเสน่ห์นิยม หายากมาก/สีเขียว ผสมน้ำเถาวัลย์หลงและน้ำว่านขั
正在翻譯中..