กฎของปีหนึ่งข้อที่ 9 : รักษาสัญญาที่ให้ไว้กับพี่ว้าก
“เฮ้ย! ไอ้ก้อง! ไอ้ก้องภพ! มองอะไรวะ กูเรียกตั้งนานแล้วก็ไม่ตอบ”
เสียงเอ็มเรียกสติของคนเหม่อ ให้ดึงสายตากลับเข้าสู่สนามบาสที่ตอนนี้กำลังเตรียมเริ่มการแข่งขัน หากใจของก้องภพกลับไม่ได้จดจ่ออยู่กับศึกชิงชัยในกีฬาเฟรชชี่เกมส์เลยแม้แต่น้อย เพราะเขากำลังรอคอยใครบางคน
...ใครบางคนที่ทำให้เขานึกย้อนกลับไปยังจุดเริ่มต้น
...เมื่อวานนี้
....
..
.
ปี๊ดดด!!
เสียงนกหวีดเป่าหมดเวลาเป็นสัญญาณบ่งบอกว่า การแข่งบาสเกตบอลระหว่างคณะวิศวกรรมศาสตร์กับคณะศึกษาศาสตร์ได้สิ้นสุดลง ตามมาด้วยเสียงจากบรรดากองเชียร์เฮลั่นสนาม เช่นเดียวกับฝั่งผู้เล่นซึ่งเพิ่งคว้าชัยมาได้หมาด ๆ
“ชนะแล้วโว้ยย! เข้ารอบชิงแล้ววว วู้ววว!!”
ก้องภพได้ยินเอ็มตะโกนลั่นด้วยสีหน้าแช่มชื้น พลางวิ่งตรงเข้ามายังจุดของผู้เล่นสำรองเพื่อแท๊กมือกับเขา ซึ่งเขาก็ยกมือแท็กตอบด้วยท่าทางเนือย ๆ ตรงข้ามกับบรรยากาศในสนามลิบลับ จนเพื่อนต้องขมวดคิ้วถามสงสัย
“เป็นอะไรวะก้อง ทำหน้าซะซีเรียส เราชนะนะโว้ย! ให้มันดีใจหน่อยดิ”
“เปล่า ...แค่วันนี้ไม่เห็นมีพวกพี่ปีสามมาดู”
ก้องภพไหวไหล่ หากก็ยังหลุดปากบอกสิ่งที่ตัวเองคิดไป
...ความจริงไม่ใช่แค่วันนี้ เพราะแต่นับตั้งแต่เริ่มต้นงานเฟรชชี่เกมส์เมื่อวาน เขาก็เห็นแค่พวกเฟรชชี่กับพี่ปีสองที่มีส่วนร่วมเท่านั้น ส่วนปีสูง ๆ ของวิศวะกลับไม่เห็นทีท่าจะสนใจเหลียวแลเหมือนคณะอื่น ๆ ทั้งที่คนตั้งเงื่อนไขให้เด็กปีหนึ่งชนะกีฬาทุกอย่างคือพวกพี่ปีสามแท้ ๆ
“เหอะ คงกลัวเสียฟอร์มล่ะมั้ง ขู่เราไว้เยอะ แล้วเป็นไงล่ะ พอเราทำได้จริงไม่เห็นปากดีเหมือนที่พูด คอยดูเถอะ...พ่อจะเอาถ้วยรางวัลไปกระแทกหน้าทิ่มตาให้บอดแม่งเลย เสือกท้าดีนัก!”
คนที่เดินปาดเหงื่อมาพร้อมคำบ่นคือ ‘วาด’ หนุ่มเชื้อจีน ตาโตชั้นเดียว เพื่อนใหม่ของก้องภพซึ่งเคยลุกขึ้นเถียงกับพี่ปีสามเมื่อโรงยิมคราวก่อน
ก้องภพเพิ่งจะมาทำความรู้จักกับวาดตอนฝึกซ้อมบาสด้วยกัน เลยได้ข้อมูลมาว่า วาดเรียนอยู่ภาคเคมี เป็นคนแอนตี้ระบบโซตัส ไม่ค่อยชอบเข้าว้ากเท่าไร แต่เพราะรักการเล่นบาสจึงยอมมาลงแข่ง ฝีมือยอดเยี่ยมจนได้เป็นกัปตันทีม ติดแค่ใจร้อนไปหน่อย เลยอารมณ์ขึ้นง่ายจนถึงขนาดกล้าปีนเกลียวรุ่นพี่ และหมายมั่นไว้ว่าจะเอาชัยชนะไปกอบกู้ศักดิ์ศรีคืนมาให้สะใจ และกลายเป็นแรงผลักดันพาลูกทีมผ่านการแข่งมาถึงรอบชิงชนะเลิศได้เป็นผลสำเร็จ
“กลับไปพักเถอะวะ พรุ่งนี้นัดสุดท้ายแล้ว พี่เขาจะมาไม่มาก็ช่าง ถ้าเราชนะยังไงพวกพี่ก็ต้องรู้อยู่ดี มึงไม่ต้องมองหาหรอก”
เอ็มตบบ่าก้องภพพลางเดินนำออกจากสนาม เขาจึงลุกขึ้นตามออกไปบ้างพร้อมกับบรรดาเพื่อนคนอื่น ๆ แต่ก็ยังไม่วายเหลือบตามองไปยังแสตนเชียร์ของฝั่งวิศวะ หากสิ่งที่เห็นก็มีเพียงบรรดาเฟรชชี่ร้องเพลงกันเต็มแสตน บางส่วนทยอยกันออกไปเชียร์กีฬาชนิดอื่นต่อเท่านั้น
ปกติเฟรชชี่เกมส์ของมหาวิทยาลัยจะจัดกันสามวันไล่ตั้งแต่ช่วงเย็น และจะมีการแบ่งพวกปีหนึ่งขึ้นแสตนไปเชียร์กีฬาต่าง ๆ ทั้งฟุตบอล วอลเลย์ ปิงปอง แบตมิตตัน ซึ่งเป็นการแข่งประเภทแพ้คัดออก และจากข้อมูลล่าสุดที่ได้รู้มา ทุกกีฬาวิศวะยังไม่แพ้ แสดงว่าคำขู่ของพวกพี่ปีสามคงจะมีผลอยู่ไม่น้อย คล้ายเป็นหนึ่งในแรงฮึดสำคัญให้พวกปีหนึ่งสู้
ก้องภพเองแม้จะเล่นบาสตำแหน่งตัวสำรอง แต่เขาก็ฝึกซ้อมหนักตลอดอาทิตย์ เพราะเป็นคนประกาศสัญญาว่าจะพิสูจน์ศักดิ์ศรีของปีหนึ่งให้พวกพี่เห็น เขาจึงทุ่มเทพยายามอย่างหนัก หวังให้พวกพี่ปีสามประจักษ์ชัดถึงศักยภาพของรุ่น แต่แม้จะแข่งชนะผ่านเข้ารอบแล้ว พวกพี่ปีสามก็ไม่เคยโผล่หน้ามาดูให้เห็นเลยสักครั้ง
...รวมถึงคนคนนั้นด้วย
ไม่รู้ทำไมตลอดการแข่งขัน ตาของเขามันชอบจะมองหาใครบางคนอยู่เรื่อย แม้เปอร์เซนต์การมาของอีกฝ่ายจะมีน้อย แต่เขาก็ยังแอบหวังจะเห็นตาดุ ๆ คู่นั่น และพอเผลอมองนาน ๆ ก็ต้องดึงสมาธิของตัวเองกลับมาที่เกมส์การแข่งขัน พร้อมสบถด่าตัวเองในใจไปด้วยทุกที
...นี่เขาคงบ้าไปแล้วจริงล่ะมั้ง ไอ้ก้องภพเอ้ย!
คนคิดมากสลัดหัวไล่ความฟุ้งซ่าน บอกตัวเองว่าควรไปนอนพักเพื่อพักผ่อนร่างกายเตรียมตัวแข่งสำหรับวันพรุ่งนี้สักที
ก้องภพจึงลาเพื่อน จับมอเตอร์ไซต์ตัวเองขี่กลับหอในเวลาเกือบสองทุ่ม ก่อนเวลาเลิกงานเฟรชชี่เกมส์เล็กน้อย แต่ก่อนหน้าที่จะเข้าหอ เขากลับเลี้ยวมอเตอร์ไซต์แวะเข้าไปยังเต้นท์ขายอาหารใกล้ ๆ
อันที่จริงเขากินข้าวเย็นรองท้องก่อนแข่งบาสแล้ว แต่ป่านนี้พลังงานคงย่อยหมดเรียบร้อย เขาเลยเดินมองหาของกินง่าย ๆ และเลือกแผงขายหมูปิ้งที่พ่อค้ากำลังย่างบนเตาส่งกลิ่นหอมฉุยเตะจมูก
“หมูปิ้งสิบไม้ ข้าวเหนียวถุงหนึ่งครับ”
“รอแป๊บหนึ่งได้มั้ย หมูกำลังปิ้งอยู่ เดี๋ยวก็สุกแล้ว”
ลุงคนขายพูดพลางพลิกไม้หมูปิ้ง ตอนเข้ามาก็ไม่ได้มองว่าไม่มีหมูที่ปิ้งไว้เหลือบนแผง แต่ไหน ๆ แล้วก็ไม่อยากเสียเวลาเดินไปหาอย่างอื่นกิน ทนรออีกสักหน่อยคงไม่เป็นไร
“ได้ครับ”
ก้องภพพยักหน้ารับ ตัดสินใจยืนรอ พร้อมกับล้วงเอาเงินจากกระเป๋าตังค์มาเตรียมจ่าย กำลังคำนวณราคาของหมูปิ้งอยู่ดี ๆ เสียงของลูกค้าคนอื่นกลับดังขึ้นด้านหลัง
“ลุงคร้าบบ...หมูปิ้งสิบไม้ ข้าวเหนียวถุงหนึ่งคร้าบบ”
“รอแป๊บหนึ่งได้มั้ย หมูกำลังปิ้งอยู่ เดี๋ยวก็สุกแล้ว”
ไดอาล็อกเหมือนเดิมเป๊ะกับที่เขาเคยพูด ทำให้ก้องภพต้องละสายตาจากกระเป๋าตังค์ หันมองคนที่กำลังเดินเข้ามาใกล้ ซึ่งกำลังตอบคำถามของลุงคนขายด้วยน้ำเสียงเริงร่า
“ได้คร้าบบ...”
ประโยคนั้นหยุดหายไปกลางคัน เมื่อเฮดว้ากอาทิตย์สังเกตเห็นว่าคนที่ยืนรออยู่นั่นเป็นใคร เจ้าตัวรีบยกแก้วนมเย็นชมพูที่กำลังดูดคาปากหลบด้านล่างลงทันควัน เปลี่ยนสีหน้าลันล๊าเป็นเคร่งขรึมโดยฉับพลัน ขณะที่ก้องภพยกมือไหว้
“สวัสดีครับ พี่อาทิตย์”
“เออ”
อาทิตย์รับคำสั้น ๆ ด้วยน้ำเส