ซื้อพระอย่างไร ให้ไม่เสียเชิงเซียน

ซื้อพระอย่างไร ให้ไม่เสียเชิงเซียน !!!

ในวงการพระ อย่างที่พวกเรารู้กันดีอยู่แล้วว่า สำหรับพระเครื่องนั้น ไม่มีราคากลาง ไม่มีราคาตายตัวสำหรับการเช่าหา ราคาล้วนแล้วแต่ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของผู้ซื้อ และผู้ขายเป็นหลัก สำหรับนักสะสม หรือเซียนที่อยู่ในวงการพระมานานนั้น จะสามารถรู้ได้ด้วยประสบการณ์ของตัวเองอยู่แล้วว่า พระเครื่องแต่ละสภาพ ราคาควรจะอยู่ที่ประมาณเท่าไหร่ แต่เรื่องนี้อาจจะเป็นปัญหามากสำหรับนักสะสมที่เพิ่งเข้ามาในวงการ วันนี้ผมนอร์ธ ปู่ทิม เลยนำวิธีการเลือกเช่าหาพระมาบอกเล่าต่อ เหล่านักสะสมรุ่นใหม่จะได้ไม่เงิบ ไม่โดนอัดราคาเต็มเหนี่ยวครับ

ราคาพระเครื่อง พิจารณาจากอะไรบ้าง

ความสวยงาม

แน่นอนครับ ความสวยงามมาเป็นอันดับหนึ่ง สำหรับการเลือกเช่าหาพระเครื่องในปัจจุบัน การเลือกพระเครื่องของคนสมัยใหม่นี้ ก็เหมือนกับการมองผู้หญิงครับ แว๊บแรกแล้วถูกสเปคเรารึเปล่า ซึ่งแน่นอนว่าถ้าหากพระเครื่ององค์นั้น ถูกสเปคของคนหมู่มาก เช่น เห็น 100 คน แล้วรักทั้ง 100 คน พระองค์นั้นจะถูกจัดอยู่ในเกณฑ์พระสวยระดับตำนาน เป็นพระระดับนางฟ้าที่นักสะสมทุกคนหมายปอง และเพื่อให้ได้เป็นเจ้าของผู้ครอบครองพระองค์นั้น ทุกคนล้วนสู้ราคา และจะมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้นที่จะได้เป็นเจ้าของพระสวยระดับนางฟ้านั้น แต่ถ้าพระองค์ใด คนมอง 100 คน แล้วจำนวนคนที่รักน้อยลง ราคาก็จะลดหย่อนลงมา ตามหลักเศรษฐศาสตร์ Demand Supply ธรรมดาเลยครับ

มีตำนานหรือไม่

พระเครื่องมีตำนานหรือไม่ ตำนานคืออะไร ตำนานที่ผมกำลังจะพูดถึงก็คือ พระองค์นั้นมีความพิเศษอะไรบางอย่างที่องค์อื่นไม่มี เช่น พระสร้างเพื่อแจกกรรมการเท่านั้น มีเพียง 100 องค์ หรือ พระชุดพิเศษที่สร้างเฉพาะให้คนนั้นคนนี้ และมีเพียง 1 องค์เท่านั้น พระกลุ่มนี้จะอยู่ในระดับราคาใกล้เคียง หรือแพงกว่าพระสวยระดับนางฟ้าปกติ แต่ผู้ที่เช่าหาก็จะมีจำนวนน้อยกว่าพระสวยธรรมดา เพราะพระมีน้อย และที่สำคัญพระชุดนี้ ถ้าหากเซียนที่เล่นพระมาไม่แข็งพอ แล้วไม่เคยรู้ตำนาน อาจจะสวดพระกลุ่มนี้ว่าไม่มีการจัดสร้าง หรือเป็นพระเก๊ได้ครับ

แล้วพระสวยมาก สวยน้อย เราจะวัดจากอะไร

คำถามนี้วัดกันได้ยากมากครับ มันเหมือนกับเราพูดถึงผู้หญิง ที่เราอาจมองว่าเค้าสวย แต่ไม่มีคนจีบ แต่อีกคน เราอาจจะมองว่าหน้าไม่ดีนัก แต่คนจีบกันให้เพียบ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับความพอใจ และรสนิยมการมองพระของคนหมู่มากเป็นหลักครับ ดังนั้น สิ่งที่เราควรจะรู้ให้ได้ คือ คนหมู่มาก มองพระสวยว่าเป็นพระรูปแบบอย่างไร ราคาของพระเครื่องนั้น ขึ้นอยู่กับมนุษย์เป็นคนกำหนดขึ้นมา และมนุษย์ก็กำหนดราคาพระขึ้นมาตามความพอใจของคนหมู่มากนั่นแหละครับ แต่โดยประสบการณ์ของผมแล้ว ความสวยมักจะแบ่งเป็นขั้นๆ สมมติว่าผมพูดถึง พระขุนแผนผงพรายกุมาร หลวงปู่ทิม อิสริโก วัดละหารไร่ บล็อคประสบการณ์ หรือบล็อคสอง เนื้อขาว พิมพ์เล็ก ที่ตอนนี้ ราคากลางในใจผู้บริโภคส่วนใหญ่มองอยู่ที่ประมาณ 120,000 - 130,000 บาท สำหรับพระสภาพทั่วไปครับ

พระสภาพใช้ (พระเกรด D ถึงเกรด C)

พระประเภทนี้ เป็นพระสภาพผ่านศึกมาอย่างโชกโชน พิมพ์ทรงไม่ชัด ไม่ค่อยมีความลึก ความนูน ใดๆ ยากต่อการพิจารณา แต่ถ้าเมื่อพิจารณาได้แล้วว่าแท้ ราคาประเมินจะอยู่ที่ราวๆ 60,000 - 90,000 หรืออาจถูกกว่านั้นครับ

พระสภาพทั่วไป แต่มีปัญหาโดยมนุษย์ หรือพระสภาวะโดนสวด

พระมีปัญหาในที่นี้ ผมไม่ได้พูดถึงว่าพระเครื่องมามีปัญหากับเรานะครับ ผมพูดถึงคนบางกลุ่ม ที่มีปัญหากับพระเครื่ององค์หนึ่ง เช่น มีพระองค์หนึ่งที่อาจจะมีคนบางกลุ่มบางพวกสวดมาว่าเป็นพระเก๊ พระดูยาก พระนู่นนี่นั่น สารพัดเหตุผลที่จะยกขึ้นมากดให้พระองค์หนึ่งองค์ใดดูด้อยไป

สาเหตุการสวดโดยส่วนมากที่นิยมกันก็คือ พระองค์นั้นเคยเป็นของศัตรูคู่อริ พอลูกค้าซื้อมาปุ๊บ แล้วเซียนคนหนึ่งเห็นว่าเป็นพระเก่าของศัตรู ก็สวดพระซะเลย พอสวดปุ๊บ ปัญหาทุกอย่างก็ไปตกอยู่ที่พระองค์นั้นทันทีครับ

อีกสาเหตุหนึ่งของการสวดพระ คือ เซียนชอบ อยากได้พระองค์นั้น แต่เจ้าของไม่ยอมขายให้ ก็เลยสวด ไปปล่อยข่าวลือ ว่าพระองค์นั้นไม่ดีเอาซะดื้อๆ อย่างนั้นเสียเลย

ส่วนลูกค้าที่ซื้อพระไป เมื่อเห็นว่าพระตัวเองมีปัญหา ใจก็เริ่มหวั่นไหว อุปทานไปเองว่าพระที่มีอยู่นั้น ไม่แท้บ้าง ไม่สากลบ้าง ก็นำไปคืนเจ้าของเดิม ซึ่งก็มักเป็นคู่อริของคนสวดมานั่นแหละครับ แต่กฏของวงการพระ ถ้าคืนพระโดยไม่มีเหตุผลสมควร ทั่วไปล้วนจะหัก 20-30% ของราคาพระ ดังนั้นเจ้าของพระจึงมักนำพระที่โดนสวด ไปขายต่อในราคาถูกกว่าที่ซื้อมาประมาณ 10-15% เพื่อผลักภาระให้พ้นตัว

เมื่อเจ้าของใหม่ได้พระที่มีปัญหาไป โดยส่วนมากของวงการพระ ข่าวลือเรื่องการสวดมักจะไปเร็วเยี่ยงไฟลามทุ่งอยู่แล้ว แม้จะยังไม่เห็นพระเลยก็ตาม ข่าวการสวดเมื่อมาถึงหูเจ้าของใหม่ ถ้าใจหวั่นไหวอีก ก็จะรีบนำพระไปขายต่อเพื่อผลักภาระให้พ้นตัว เป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ เป็นวัฏจักร

ถ้าท่านเห็นพระสภาพปกติ ราคาต่ำกว่าที่ควรจะเป็นมากๆ ขอให้คิดไว้ก่อนได้เลยครับว่า พระองค์นั้น มีเรื่องสวดกันมาเป็นแน่แท้ แต่ถ้าท่านพิจารณาแล้วเห็นว่าพระองค์นั้นแท้ ซื้อเก็บได้เลยครับ นั่นเป็นโอกาสของท่าน เพราะเมื่อท่านซื้อเก็บไว้ เมื่อเวลาผ่านไป 2-3 ปี เมื่อข่าวลือการสวดนั้นหมดไป พระองค์นั้นราคาก็จะกลับมายืนที่ราคาปกติครับ

พระสภาพปกติ (พระเกรด C ถึงเกรด B)

พระสภาพนี้ เห็นได้มากในท้องตลาดครับ มีรอยรานบ้าง มีตำหนิหลายจุดบ้าง เป็นพระที่มีจุดตำหนิที่เห็นได้ง่ายหลายจุดด้วยตาเปล่า ราคาก็จะสวิงอยู่ที่ราคากลาง บวกลบนิดหน่อย ขึ้นอยู่กับว่า พระองค์ใดจะถูกสเปคกับผู้ครอบครองคนใด ก็เช่าหากันไป พระสภาพนี้มักเป็นพระที่หมุนอยู่ในตลาดครับ

พระสภาพเกือบสวย (พระเกรด B ถึงพระเกรด A)

พระกลุ่มนี้ สังเกตได้ง่ายๆ ครับ คือพระมักจะมาประกาศขายพร้อมกับใบประกาศงานประกวด งานนั้น งานนี้ (สาเหตุที่พระกลุ่มนี้มักจะได้รางวัล ผมจะพูดถึงถัดไปครับ) พระกลุ่มนี้ ภาษาอังกฤษเค้ามักจะเรียกกันว่า Stugging middle class หรือติดอยู่ตรงกลาง ระหว่างพระสวยมาก กับพระกลางๆ สิ่งนึงที่เจ้าของมักจะทำกัน ก็คือ

結果 (繁體中文) 1:

購買的僧侶，不失去角仙!!!ในวงการพระ อย่างที่พวกเรารู้กันดีอยู่แล้วว่า สำหรับพระเครื่องนั้น ไม่มีราคากลาง ไม่มีราคาตายตัวสำหรับการเช่าหา ราคาล้วนแล้วแต่ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของผู้ซื้อ และผู้ขายเป็นหลัก สำหรับนักสะสม หรือเซียนที่อยู่ในวงการพระมานานนั้น จะสามารถรู้ได้ด้วยประสบการณ์ของตัวเองอยู่แล้วว่า พระเครื่องแต่ละสภาพ ราคาควรจะอยู่ที่ประมาณเท่าไหร่ แต่เรื่องนี้อาจจะเป็นปัญหามากสำหรับนักสะสมที่เพิ่งเข้ามาในวงการ วันนี้ผมนอร์ธ ปู่ทิม เลยนำวิธีการเลือกเช่าหาพระมาบอกเล่าต่อ เหล่านักสะสมรุ่นใหม่จะได้ไม่เงิบ ไม่โดนอัดราคาเต็มเหนี่ยวครับราคาพระเครื่อง พิจารณาจากอะไรบ้างความสวยงามแน่นอนครับ ความสวยงามมาเป็นอันดับหนึ่ง สำหรับการเลือกเช่าหาพระเครื่องในปัจจุบัน การเลือกพระเครื่องของคนสมัยใหม่นี้ ก็เหมือนกับการมองผู้หญิงครับ แว๊บแรกแล้วถูกสเปคเรารึเปล่า ซึ่งแน่นอนว่าถ้าหากพระเครื่ององค์นั้น ถูกสเปคของคนหมู่มาก เช่น เห็น 100 คน แล้วรักทั้ง 100 คน พระองค์นั้นจะถูกจัดอยู่ในเกณฑ์พระสวยระดับตำนาน เป็นพระระดับนางฟ้าที่นักสะสมทุกคนหมายปอง และเพื่อให้ได้เป็นเจ้าของผู้ครอบครองพระองค์นั้น ทุกคนล้วนสู้ราคา และจะมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้นที่จะได้เป็นเจ้าของพระสวยระดับนางฟ้านั้น แต่ถ้าพระองค์ใด คนมอง 100 คน แล้วจำนวนคนที่รักน้อยลง ราคาก็จะลดหย่อนลงมา ตามหลักเศรษฐศาสตร์ Demand Supply ธรรมดาเลยครับมีตำนานหรือไม่พระเครื่องมีตำนานหรือไม่ ตำนานคืออะไร ตำนานที่ผมกำลังจะพูดถึงก็คือ พระองค์นั้นมีความพิเศษอะไรบางอย่างที่องค์อื่นไม่มี เช่น พระสร้างเพื่อแจกกรรมการเท่านั้น มีเพียง 100 องค์ หรือ พระชุดพิเศษที่สร้างเฉพาะให้คนนั้นคนนี้ และมีเพียง 1 องค์เท่านั้น พระกลุ่มนี้จะอยู่ในระดับราคาใกล้เคียง หรือแพงกว่าพระสวยระดับนางฟ้าปกติ แต่ผู้ที่เช่าหาก็จะมีจำนวนน้อยกว่าพระสวยธรรมดา เพราะพระมีน้อย และที่สำคัญพระชุดนี้ ถ้าหากเซียนที่เล่นพระมาไม่แข็งพอ แล้วไม่เคยรู้ตำนาน อาจจะสวดพระกลุ่มนี้ว่าไม่มีการจัดสร้าง หรือเป็นพระเก๊ได้ครับแล้วพระสวยมาก สวยน้อย เราจะวัดจากอะไรคำถามนี้วัดกันได้ยากมากครับ มันเหมือนกับเราพูดถึงผู้หญิง ที่เราอาจมองว่าเค้าสวย แต่ไม่มีคนจีบ แต่อีกคน เราอาจจะมองว่าหน้าไม่ดีนัก แต่คนจีบกันให้เพียบ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับความพอใจ และรสนิยมการมองพระของคนหมู่มากเป็นหลักครับ ดังนั้น สิ่งที่เราควรจะรู้ให้ได้ คือ คนหมู่มาก มองพระสวยว่าเป็นพระรูปแบบอย่างไร ราคาของพระเครื่องนั้น ขึ้นอยู่กับมนุษย์เป็นคนกำหนดขึ้นมา และมนุษย์ก็กำหนดราคาพระขึ้นมาตามความพอใจของคนหมู่มากนั่นแหละครับ แต่โดยประสบการณ์ของผมแล้ว ความสวยมักจะแบ่งเป็นขั้นๆ สมมติว่าผมพูดถึง พระขุนแผนผงพรายกุมาร หลวงปู่ทิม อิสริโก วัดละหารไร่ บล็อคประสบการณ์ หรือบล็อคสอง เนื้อขาว พิมพ์เล็ก ที่ตอนนี้ ราคากลางในใจผู้บริโภคส่วนใหญ่มองอยู่ที่ประมาณ 120,000 - 130,000 บาท สำหรับพระสภาพทั่วไปครับพระสภาพใช้ (พระเกรด D ถึงเกรด C)พระประเภทนี้ เป็นพระสภาพผ่านศึกมาอย่างโชกโชน พิมพ์ทรงไม่ชัด ไม่ค่อยมีความลึก ความนูน ใดๆ ยากต่อการพิจารณา แต่ถ้าเมื่อพิจารณาได้แล้วว่าแท้ ราคาประเมินจะอยู่ที่ราวๆ 60,000 - 90,000 หรืออาจถูกกว่านั้นครับพระสภาพทั่วไป แต่มีปัญหาโดยมนุษย์ หรือพระสภาวะโดนสวดพระมีปัญหาในที่นี้ ผมไม่ได้พูดถึงว่าพระเครื่องมามีปัญหากับเรานะครับ ผมพูดถึงคนบางกลุ่ม ที่มีปัญหากับพระเครื่ององค์หนึ่ง เช่น มีพระองค์หนึ่งที่อาจจะมีคนบางกลุ่มบางพวกสวดมาว่าเป็นพระเก๊ พระดูยาก พระนู่นนี่นั่น สารพัดเหตุผลที่จะยกขึ้นมากดให้พระองค์หนึ่งองค์ใดดูด้อยไปสาเหตุการสวดโดยส่วนมากที่นิยมกันก็คือ พระองค์นั้นเคยเป็นของศัตรูคู่อริ พอลูกค้าซื้อมาปุ๊บ แล้วเซียนคนหนึ่งเห็นว่าเป็นพระเก่าของศัตรู ก็สวดพระซะเลย พอสวดปุ๊บ ปัญหาทุกอย่างก็ไปตกอยู่ที่พระองค์นั้นทันทีครับอีกสาเหตุหนึ่งของการสวดพระ คือ เซียนชอบ อยากได้พระองค์นั้น แต่เจ้าของไม่ยอมขายให้ ก็เลยสวด ไปปล่อยข่าวลือ ว่าพระองค์นั้นไม่ดีเอาซะดื้อๆ อย่างนั้นเสียเลยส่วนลูกค้าที่ซื้อพระไป เมื่อเห็นว่าพระตัวเองมีปัญหา ใจก็เริ่มหวั่นไหว อุปทานไปเองว่าพระที่มีอยู่นั้น ไม่แท้บ้าง ไม่สากลบ้าง ก็นำไปคืนเจ้าของเดิม ซึ่งก็มักเป็นคู่อริของคนสวดมานั่นแหละครับ แต่กฏของวงการพระ ถ้าคืนพระโดยไม่มีเหตุผลสมควร ทั่วไปล้วนจะหัก 20-30% ของราคาพระ ดังนั้นเจ้าของพระจึงมักนำพระที่โดนสวด ไปขายต่อในราคาถูกกว่าที่ซื้อมาประมาณ 10-15% เพื่อผลักภาระให้พ้นตัว
เมื่อเจ้าของใหม่ได้พระที่มีปัญหาไป โดยส่วนมากของวงการพระ ข่าวลือเรื่องการสวดมักจะไปเร็วเยี่ยงไฟลามทุ่งอยู่แล้ว แม้จะยังไม่เห็นพระเลยก็ตาม ข่าวการสวดเมื่อมาถึงหูเจ้าของใหม่ ถ้าใจหวั่นไหวอีก ก็จะรีบนำพระไปขายต่อเพื่อผลักภาระให้พ้นตัว เป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ เป็นวัฏจักร

ถ้าท่านเห็นพระสภาพปกติ ราคาต่ำกว่าที่ควรจะเป็นมากๆ ขอให้คิดไว้ก่อนได้เลยครับว่า พระองค์นั้น มีเรื่องสวดกันมาเป็นแน่แท้ แต่ถ้าท่านพิจารณาแล้วเห็นว่าพระองค์นั้นแท้ ซื้อเก็บได้เลยครับ นั่นเป็นโอกาสของท่าน เพราะเมื่อท่านซื้อเก็บไว้ เมื่อเวลาผ่านไป 2-3 ปี เมื่อข่าวลือการสวดนั้นหมดไป พระองค์นั้นราคาก็จะกลับมายืนที่ราคาปกติครับ

พระสภาพปกติ (พระเกรด C ถึงเกรด B)

พระสภาพนี้ เห็นได้มากในท้องตลาดครับ มีรอยรานบ้าง มีตำหนิหลายจุดบ้าง เป็นพระที่มีจุดตำหนิที่เห็นได้ง่ายหลายจุดด้วยตาเปล่า ราคาก็จะสวิงอยู่ที่ราคากลาง บวกลบนิดหน่อย ขึ้นอยู่กับว่า พระองค์ใดจะถูกสเปคกับผู้ครอบครองคนใด ก็เช่าหากันไป พระสภาพนี้มักเป็นพระที่หมุนอยู่ในตลาดครับ

พระสภาพเกือบสวย (พระเกรด B ถึงพระเกรด A)

พระกลุ่มนี้ สังเกตได้ง่ายๆ ครับ คือพระมักจะมาประกาศขายพร้อมกับใบประกาศงานประกวด งานนั้น งานนี้ (สาเหตุที่พระกลุ่มนี้มักจะได้รางวัล ผมจะพูดถึงถัดไปครับ) พระกลุ่มนี้ ภาษาอังกฤษเค้ามักจะเรียกกันว่า Stugging middle class หรือติดอยู่ตรงกลาง ระหว่างพระสวยมาก กับพระกลางๆ สิ่งนึงที่เจ้าของมักจะทำกัน ก็คือ