เสือหลวงพ่อปาน ตัวนี้ เป็นเสือที่ถูกแกะขึ้น ภายใต้ศัพท์ที่นักเล่นเรียกหา คือ เสือเขี้ยวซีก ก็ด้วยเหตุที่ "เขี้ยวเสือ" เป็นวัตถุอาถรรพณ์ และเสือจริงสมัยก่อน รวมทั้งสมัยนี้เป็นที่รู้กันว่าหาได้ยากยิ่ง เสือรุ่นแรก จึงมักใช้วัสดุเท่าที่มี ซึ่งจำกัดมาก หาได้เท่าไรก็ให้หลวงพ่อลงจาร หรือทำให้เท่านั้น การแกะเสือยุคแรกๆ ศิษย์ผู้อยู่ใกล้ตัวหลวงพ่อ เมื่อได้เขี้ยวเสือมา จึงมักแบ่งเขี้ยวออกเป็นสองส่วน แล้วจึงให้ช่างแกะเป็นตัวเสือให้ อีกกรณีหนึ่งคือ ประเภทได้เขี้ยวเสือมา แต่เป็นเขี้ยวชำรุด หรือบิ่นแตก ด้วยเชื่อว่าตัวเสือเจ้าของเขี้ยวค่อนข้างดุ ขบกัดฉีกกินเหยื่อต่างๆ มานับไม่ถ้วน หรืออาจกัดทำร้ายกันเอง ทำให้เขี้ยวเสือหักกร่อน ข้างหนึ่งดี อีกข้างบิ่น สูงยาวไม่เท่ากัน เมื่อถึงมือช่าง จึงมักถูกแต่งทิ้ง ด้านที่อาจบิ่น หรือชำรุดออกไป ดังนั้นในยุคแรกๆ ของการแกะเสือ จึงมักเจอ เสือเขี้ยวซีก กันบ่อยครั้ง ต่อมาเมื่อ เสือหลวงพ่อปาน เป็นที่นิยมอย่างกว้างขวาง บรรดาเจ้าสัว นายหัว คุณท่าน ต่างก็จ้างคนสืบหาเขี้ยวเสือที่ค่อนข้างใหญ่และงาม นำมาให้ช่างแกะ บรรดาลูกศิษย์วัดต่างส่งข่าวหาเขี้ยวกัน เพื่อนำมาแกะเป็นวัตถุมงคล รูปเสือ กันอย่างกว้างขวาง จนมีเรื่องเล่าว่า ค่าตัวของเสือหลวงพ่อปานสมัยนั้น (เมื่อร้อยปีมาแล้ว) มีราคาตั้งแต่ ๑ บาท ๒ บาท จนถึง ๓ บาท นั่นคือราคาที่แพงที่สุด แต่ก็มีเรื่องเล่า (อีก) ที่ว่า มีคหบดีท่านหนึ่งให้ราคาเสือถึง ๕ บาท เพื่อให้ช่างหาเขี้ยวและนำมาแกะเป็นตัวเสือ
ราคา
โชว์พระ