พันธุ์แท้พระเครื่อง
ราม วัชรประดิษฐ์
หลวงพ่อสาคร มนุญโญ วัดหนองกรับ อ.บ้านค่าย จ.ระยอง เพชรน้ำเอกอีกรูปหนึ่งของสายตะวันออกยุคปัจจุบัน ที่สาธุชนทั่วประเทศรวมทั้งต่างประเทศต่างให้ความเคารพศรัทธา และประการสำคัญ ท่านเป็นศิษย์เอกผู้สืบวิทยาอาคมจาก หลวงปู่ทิม อิสริโก อดีตเกจิชื่อดังแห่งวัดละหารไร่ ได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง รวมไปถึงจริยวัตรอันสมบูรณ์พร้อม เฉกเช่นพระอาจารย์
พระครูมนูญธรรมวัตร หรือ หลวงพ่อสาคร มนุญโญ นามเดิมว่า สาคร โยมบิดา-มารดา ชื่อ นายกุ-นางนิด ไพสาลี มีอาชีพทำนา ท่านเกิดที่บ้านท้ายทุ่ง ต.หนองกรับ อ.บ้านค่าย เมื่อวันอังคาร แรม 9 ค่ำ เดือน 3 ตรงกับวันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2481 ซึ่งตามคติโบราณว่าไว้ว่าจะเป็นผู้มีความพิเศษอยู่ในตัว หากถือปฏิบัติก็จะพบกับความ เจริญยิ่งๆ แต่หากร้ายก็จะร้ายอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ และจะเป็นคนที่ฝักใฝ่ในด้านไสยศาสตร์และเวทมนตร์คาถา
ซึ่งก็เป็นจริงตามนั้น หลวงพ่อสาครมีความสนใจในเรื่องเวทมนตร์และวิชาแพทย์แผนโบราณมาตั้งแต่เด็ก เมื่อเรียนจบชั้นประถมปีที่ 4 ต้องออกมาช่วยโยมบิดา-มารดาทำนา ครั้นพอมีเวลาว่างก็จะเดินทางไปบ้านละหารไร่ เพื่อศึกษาไสยศาสตร์กับโยมหล่อและโยมทัต ผู้เรืองวิชาอาคมในสมัยนั้น และยังได้เข้าไปปรนนิบัติหลวงปู่ทิมที่วัดละหารไร่อยู่เป็นนิจ จึงนับว่าเป็นศิษย์รุ่นเยาว์ที่หลวงปู่ให้ความเมตตาเรียกใช้อยู่เสมอ
เมื่ออายุครบ 20 ปี ได้อุปสมบทที่วัดหนองกรับ มี พระครูจันทโรทัย (หลวงพ่อดิ่ง) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอธิการเคียง วัดไผ่ล้อม เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายา "มนุญโญ"
จากนั้นไปจำพรรษาที่วัดละหารไร่ และฝากตัวเป็นศิษย์หลวงปู่ทิมศึกษาพระธรรมวินัยและพุทธาคมต่างๆ ซึ่งท่านก็เมตตาถ่ายทอดให้จนหมดสิ้น หลวงปู่ทิมยังเคยปรารภกับลูกศิษย์ลูกหาที่ถามว่า "เมื่อสิ้นหลวงปู่แล้วพวกผมจะพึ่งพระรูปใด" โดยท่านได้ชี้ไปที่พระหนุ่มรูปหนึ่งซึ่งมาปฏิบัติหลวงปู่อยู่ด้วยเช่นกัน แล้วว่า "โน่น ท่านสาคร เขาเรียนของไว้เยอะ"
เมื่อสำเร็จวิทยาอาคมคาถาจากหลวงปู่ทิมแล้ว หลวงพ่อสาครจึงขออนุญาตพระอาจารย์เดินทางไปเสาะแสวงหาความรู้เพิ่มเติมจาก หลวงพ่อเพ่ง สาสโน วัดละหารใหญ่ ซึ่งเดิมท่านเป็นมหาดเล็กในเสด็จเตี่ยกรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ และได้ศึกษาวิชาสายหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า มีความชำนาญด้านคงกระพันชาตรีสูง และหลวงปู่หิน วัดหนองสนม ตามคำแนะนำของหลวงปู่ทิม รวมทั้งพระเกจิคณาจารย์อีกหลายรูปและฆราวาสผู้เชี่ยวชาญทางด้านไสยเวทต่างๆ อีกหลายท่าน
ในปี พ.ศ.2508 เจ้าอาวาสวัดหนองกรับมรณภาพ ชาวบ้านจึงเดินทางไปขออนุญาตหลวงปู่ทิมที่วัดละหารไร่ เพื่ออาราธนาหลวงพ่อสาครกลับไปรับตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดสืบแทน หลวงพ่อสาครได้บูรณะและสร้างเสนาสนะต่างๆ ที่ทรุดโทรมตามกาลเวลาและจากเหตุไฟไหม้ เพื่อให้ภิกษุสงฆ์ สามเณร และพุทธศาสนิกชน ได้ใช้ปฏิบัติศาสนกิจต่อไป ปี พ.ศ.2524 ได้รับพระราชทานเป็นพระครูชั้นโท ที่พระครูมนูญธรรมวัตร
ถึงแม้หลวงพ่อสาครจะต้องทำหน้าที่เจ้าอาวาสดูแลปกครองและพัฒนาวัดหนองกรับ แต่ท่านก็มิได้ทอดทิ้งพระอาจารย์ ยังคงเดินทางไปกราบนมัสการและดูแลอย่างสม่ำเสมอจนกระทั่งหลวงปู่ทิมมรณภาพ และยังเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการจัดบำเพ็ญกุศลจนแล้วเสร็จ เป็นที่ยกย่อง ชมเชย และศรัทธา ของลูกศิษย์ลูกหาหลวงปู่ทิมยิ่งนัก ... หลวงพ่อสาคร ท่านสมเป็นศิษย์ก้นกุฏิของหลวงปู่ทิมอย่างแท้จริง ...
กล่าวถึง "พระขุนแผนผงพรายกุมาร รุ่นแรก" ของหลวงพ่อสาคร อันขึ้นชื่อลือชานั้น ท่านจัดสร้างขึ้นในปี พ.ศ.2530 โดยได้ผสมมวลสารต่างๆ อาทิ ผงพรายกุมารของหลวงปู่ทิม ผงปถมัง ผงเมตตาน้อย ผงเมตตาใหญ่ ผงนอโม ผงจินดามณี ผงพระเจ้าห้าพระองค์ ผงอุทลุม ผงอิทธิเจ และ กาฝากมงคล รวมถึงว่านมงคลต่างๆ ของท่าน "รุ่นนี้นับเป็นรุ่นที่ผสมผงพรายที่หลวงปู่ทิมได้มอบไว้ให้ไว้เยอะมาก"
อีกทั้งด้านหลังเป็น "หลังยันต์นะอกแตก ฝังตะกรุดสาริกา" อันเป็นสุดยอดของมหาเสน่ห์ ว่ากันว่า การปลุกเสกยันต์นี้ ผู้เสกต้องภาวนาจนเกิดนิมิตเห็นภาพหญิงสาวมารัก มาร้องไห้ คร่ำครวญหา จนอกแตกตาย ถ้าถือคาถานี้ขึ้น โบราณาจารย์กล่าวไว้ว่า ไปหาหญิงนั้น ถ้าหญิงนั้นไม่รักเราอกจะแตกตาย ซึ่งผู้บูชาต่างก็มีประสบการณ์อย่างถ้วนทั่ว ทั้งเมตตามหาเสน่ห์ แคล้วคลาด คงกระพัน ครบครัน จนเป็นที่ฮือฮาและเลื่องลือไปทั่วทั้งในและต่างประเทศ
หลังจากที่ พระขุนแผนผงพรายกุมาร รุ่นแรก หมดไป และยังมีผู้ต้องการอีกมากมาย ทางวัดจึงได้จัดสร้างเป็น รุ่น 2, รุ่น 3, รุ่น 4 จนถึงรุ่น 5 เป็นรุ่นสุดท้าย
แต่ละรุ่นเมื่อออกมาก็หมดภายในพริบตาทีเดียวครับผม