Training Manner Day2
การเข้าหาลูกค้าอย่างเหมาะสม
อันที่จริงแล้วยังไม่มีวิธีเข้าหาลูกค้าอย่างเหมาะสมที่สุด เพราะทุกอย่างจะขึ้นอยู่ที่สถานการณ์ เราควรเข้าหาลูกค้าโดยปรับให้เข้ากับบุคลิกของเราเองเพื่อให้ดูเป็นธรรมชาติและเกิดประสิทธิผลมากที่สุดและไม่เป็นการอึดอัดใจที่จะทำงาน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นมี 5 หลักการที่สามารถนำไปใช้ได้โดยปรับให้เข้ากับบุคลิกของเราเอง
1 เป็นคู่หูที่ดี
ผู้ซื้อส่วนมากมักซื้อของจากคนที่เขาชอบ ผู้ขายควรมีคุณสมบัติเป็นคู่หูที่ดี ต้อนรับด้วยตวามอบอุ่น ดูเป็นมิตร การสอบถามลูกค้าเพื่อแสดงให้ลูกค้าเห็นว่าเรายินดีให้บริการ พยายามสังเกตอารมณ์ของลูกค้าว่าเค้าชอบให้เราหรือผู้ขายอยู่ใกล้ หรือให้ข้อมูลมากแค่ไหน หรือชอบความเป็นส่วนตัวระหว่างซื้อ ให้สังเกตอารมณ์
• ในกรณีลูกค้ามีการสบตา หรือถามคำถามต่อเนื่องเราควรเดินตามโดยเว้นระยะห่างพอเหมาะแล้วค่อยๆนำเสนอจฃข้อมูล
• ในกรณีลูกค้าทำท่าทีไม่สนใจให้พูดกับลูกค้าว่า “ถ้าต้องการความช่วยเหลือให้เรียกได้เลยนะคะหรือต้องการสอบถามสินค้าประเภทไหนเป็นพิเศษไหมคะ” แล้วยืนอยู่ไกลระดับหนึ่งในระยะที่สังเกตได้ แล้วให้เดินเข้าไปใหม่พร้อมสินค้าที่น่าสนใจโดยสังเกตจากสิ่งที่ลูกค้าจับ สังเกตสิ่งที่ลูกค้าพูดคุย
2 การเป็น GURU ผู้มีความรู้ในสินค้าที่ตนขาย
สำหรับเซลล์บางกลุ่มจะไม่ค่อยสื่อสารทางอารมณ์เท่าที่ควร จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีความรู้ที่แน่นเป็นพื้นฐานในผิลตภัณฑ์ที่ตนขาย รวมถึงคู่แข่งด้วย มีข้อมูลอ้างอิงที่ดี มีการอัพเดทข้อมูลสินค้าในตลาด มีความเป็นผู้เชี่ยวชาญ ก็จะดูน่าเชื่อถือ ทำให้ผู้ซื้อมีความมั่นใจว่าจะได้คำแนะนำที่ดีและสินค้าที่ซื้อไปนั้นถูกต้องและดีที่สุด การมีรายละเอียดที่แน่นจึงสามารถแก้ไขปัญหาและเป็นการตอบที่มีเหตุผลต่อลูกค้า เมื่อลูกค้าทราบแล้วว่าคุณมีความรู้ที่มากพอ ลูกค้าก็จะแนะนำและบอกต่อเพื่อนฝูงและคนรู้จัก
3 การเป็นที่ปรึกษาที่ดี
ข้อนี้เป็นการรวมการเป็นกูรูและคู่หูที่ดีเข้าด้วยกัน หากมีสองข้อนี้เข้าด้วยกันจะสามารถปิดการขายด้วยระยะเวลาที่สั้นขึ้น รวมถึงปริมาณการขายที่มากขึ้น รวมถึงการบอกต่อจากลูกค้าคนเดิมที่เคยซื้อ
4 เป็นคนขายแนวขยายเครือข่าย
การมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อทุกๆคนที่ได้พบ จะทำให้ผู้พบเห็นเกิดไมตรีอยากคุยด้วย รู้สึกอยากแนะนำบอกต่อด้วยความเอ็นดู เพราะบางทีลูกค้าที่ไม่ได้ซื้ออาจจะแนะนำคนที่อยากซื้อหรือมีความสนใจอยู่ในตัวสินค้าของเราอยู่แล้ว เราก็จะได้เจอลูกค้าที่มีความต้องการซื้อสินค้าได้
การทักทายลูกค้า
พนักงานต้อนรับ บริกรจะต้องกล่าวทักทายแขกเมื่อแขกเดินเข้ามาในระยะ 1.5 เมตร พร้อมรอยยิ้มและสบตาภายใน 10 วินาที โดยพูดว่า “สวัสดีครับ/ค่ะ” พร้อมยกมือไหว้ให้ถูกต้องตามหลักการไหว้แบบไทย
ข้อควรระวังที่มักจะไม่กระทำกันคือ
• ห้ามเรียกชื่อแขกอย่างเป็นกันเอง ต้องเรียกคุณผู้หญิง คุณผู้ชาย ให้ถูกแบบของแต่ละประเทศ
• อย่างไรก็ดี การที่ชาวต่างชาติมาเที่ยวเมืองไทย พวกเขาย่อมต้องการการต้อนรับแบบไทย ๆ และการทักทายแบบไทยแท้มากกว่า
• ไม่สนใจแขก ไม่ทักทายแขก ให้แขกเดินหาสินค้า หรือแกล้งทำเป็นไม่เห็นแขก แสดงท่าทางกลัวหรือหลบแขกชาวต่างชาติ
• โบกมือหรือทำท่าล้อเลียนแขก แสดงความเป็นกันเองกับแขกมากเกินไปก็เป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม เพราะพนักงานไม่ควรทำตัวเสมอแขก
• ทักทายแขกด้วยเสียงแผ่วเบาเกินไป อาจทำให้แขกไม่ได้ยิน หรือตะโกนทักทายจากระยะไกล อาจทำให้แขกตกใจ บางครั้งอาจเป็นการตะโกนข้ามศีรษะแขกท่านอื่น ซึ่งเป็นมารยาทที่ไม่เหมาะสม
งานบริการที่ดีคือการสร้างความประทับใจครั้งแรกที่ได้พบ ดังนั้นควรเริ่มจากการกล่าวทักทายอย่างถูกต้องพร้อมด้วย รอยยิ้มที่งดงามตามแบบไทย
การแสดงออกทางสีหน้าท่าทาง
การรู้จักควบคุมอารมณ์ของตนเองเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างหนึ่งของการใช้ชีวิตอยู่ในสังคม นอกจากอารมณ์ทางด้านจิตใจแล้ว สิ่งหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน นั่นคือ การควบคุมอารมณ์บนใบหน้าของคุณ นั่นเอง เพราะใบหน้านี่แหละค่ะที่จะเป็นสิ่งทำให้คนอื่นรู้ว่าขณะนั้นคุณกำลังรู้สึกอย่างไร ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ดีเลยนะคะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้ขายทุกคน เพราะสิ่งนี้อาจทำให้ความน่าเชื่อถือที่มีอยู่ในตัวคุณลดน้อยลงไปได้
ผู้ขายบางคน มักจะมองข้ามตรงจุดนี้นะคะ อาจเป็นเพราะคิดว่า แค่ควบคุมอารมณ์ของตนเองให้ได้เนี่ย ก็เป็นเรื่องยากพออยู่แล้ว เพราะเวลาโกรธทีไร แค่ควบคุมคำพูดแต่ละคำ ไม่ให้รุนแรงเกินไปก็ทำได้ลำบาก แล้วยังจะต้องมานั่งกังวลกับสีหน้าที่แสดงออกอีก แต่รู้ไหมคะ ว่าเวลาที่คุณโกรธหรือไม่พอใจขึ้นมา สิ่งที่ออกหรือแสดงให้คนอื่นเห็นเป็นอย่างแรก ก็คือ สีหน้าคุณ นี่แหละค่ะ และสิ่งนี้ก็เป็นสิ่งที่เห็นได้ชัดมากกว่าอย่างอื่นด้วย
มีขายหลาย ๆ ท่านนะคะ ที่เวลาโกรธ หรือไม่พอ หรือเกิดความรู้สึกอะไรสักอย่าง มักแสดงความรู้สึกเหล่านั้นออกทางสีหน้าโดยที่ไม่รู้ตัว ทั้ง ๆ ที่คุณคิดว่าคุณควบคุมอารมณ์เหล่านั้นไว้แล้วก็ตาม การแสดงอารมณ์ต่าง ๆ ออกทางสีหน้ามากเกินไป โดยที่ไม่เก็บอาการต่าง ๆ เหล่านั้นไว้เลย อย่างนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่ดีเลยนะคะ เพราะอาจทำให้ลูกค้าของคุณเกิดความรู้สึกที่ไม่ดีกับคุณได้
ลองคิดดูง่าย ๆ นะคะ ถ้าเมื่อไหร่ก็ตามที่คุณโกรธ หรือไม่พอใจ แล้วคุณแสดงความรู้สึกเหล่านั้นออกทางสีหน้า ก็จะทำให้คนที่กำลังอยู่กับคุณตอนนั้นเกิดความรู้สึกที่ว่า คุณเป็นคนไม่รู้จักเก็บความรู้สึกเอาเสียเลย อย่างถ้าเกิดตอนนั้นคุณไปพบลูกค้า แล้วเมื่อคุณเสนองาน เขากลับไม่ชอบตามที่คุณเสนอ คุณก็ชักสีหน้า แสดงความไม่พอใจ แล้วคุณว่าลูกค้าคนนั้นเขาจะคิดอย่างไรอย่างแรก ต้องไม่พอใจคุณกลับแน่ ๆ ที่ตามมา ก็คือ อารมณ์เสียของเขา เพราะเขาคงต้องเกิดความรู้สึกว่า เขาเป็นลูกค้า คุณยังมาทำหน้าไม่พอใจใส่เขา ดีไม่ดีเขาอาจไม่ทำงานกับคุณอีกเลยก็ได้
การควบคุมอารมณ์ทางสีหน้า นอกจากจะช่วยลดความไม่พอใจที่คนอื่น ๆ มีต่อคุณแล้ว ก็ยังทำให้ลูกค้าเห็นว่าคุณเป็นผู้ขายที่มีความสุขุมด้วยนะคะ นอกจากนั้นก็ยังสร้างความรู้สึกที่ดีที่ผู้ใต้บังค