วันพฤหัสบดีที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556ตอนพิเศษ: 10.1 ต้นกำเนิดแห่งชา (ภ的中文翻譯

วันพฤหัสบดีที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 25


วันพฤหัสบดีที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556
ตอนพิเศษ: 10.1 ต้นกำเนิดแห่งชา (ภาคต้น)

วัฒนธรรมชานั้นเกิดขึ้นในดินแดนจีนมานานมาก แต่ว่านานเท่าไหร่ก็ไม่ใคร่จะมีคนให้ข้อสังเกตหรือสรุปได้ เรื่องต้นกำเนิดของชานี้ผมเองแพลนเอาไว้ว่าจะเขียนถึงอยู่แล้วนะครับรอแค่เวลาเท่านั้น ช่วงนี้ก็ยุ่ง ๆ อีกเหมือนเคยครับ พอดีวันนี้มิตรสหายท่านหนึ่งแชร์คลิบของนักธุรกิจใหญ่ท่านหนึ่งไปเยี่ยมเยือนเมืองผู่เอ๋อร์พร้อมกับจั่วหัวเอาไว้ว่า "ผู่เอ๋อร์ต้นตำรับแห่งชา" ซึ่งผมเองไม่ใคร่จะเห็นด้วยซักเท่าใดนัก จึงเป็นที่มาของการหยิบเรื่องต้นกำเนิดแห่งชามานำเสนอทุกท่านในวันนี้ เรื่องในตอนนี้จะนำเสนอที่มาและต้นกำเนิดของชาตั้งแต่ยุคปรัมปราของจีนและแสดงให้เห็นถึงพัฒนาการของวัฒนธรรมชาโดยคร่าว ๆ ไล่จากเริ่มแรกจนมาถึงปัจจุบันนะครับ ดังนั้นคิดว่าตอนนี้คงยาวแน่ ๆ

ประเทศจีนนั้นยุคที่มีการบันทึกเอาไว้เป็นลายลักษณ์อักษรชัดเจนเห็นจะมีตั้งแต่สมัย ซาง (商) -โจว (周) ลงมา ซึ่งนั่นเป็นเรื่องของเมื่อกว่าสามพันเจ็ดร้อยปีผ่านมาแล้ว ทว่าก่อนหน้ายุคซางโจวแล้วยังมียุคเทวตำนานอีกยุคหนึ่งซึ่งหากนับจากปัจจุบันไล่ย้อนขึ้นไปถึงยุคนั้นจะต้องเป็นหลักหมื่นปี ยุคนี้เรียกว่ายุค 三皇五帝 (ซันหวงอู่ตี้) หรือยุคสามจอมจักรพรรดิ์ห้าราชาธิราช ความสำคัญของยุคที่กล่าวถึงนี้เป็นยุคที่ก่อเกิดเรื่องราวมากมายอันเป็นรากฐานของขนบธรรมเนียมประเพณีไม่ว่าจะในเรื่องของศาสนา วิถีชีวิตความเป็นอยู่การเมืองการปกครอง ทั้งหลายล้วนถูกอ้างว่ากำเนิดจากยุคเทวตำนานนี้ทั้งสิ้น

อ่าน ๆ ดู ท่านคงจะงงว่านี่มันเขียนเรื่องอะไรของมันกันแน่? ไม่เห็นจะเกี่ยวกับชาตรงไหน. ครับมันต้องปูก่อนนิดหนึ่งนะครับ ลองตามต่อนะครับ.


ยุคสามจอมกษัตริย์นั้นเรื่องราวเล่าว่ามีสามจอมจักรพรรดิ์คือจักพรรดิฟ้า (天皇/เทียนหวง) จักรพรรดิดิน (地皇/ตี้หวง) และจักรพรรดิคน (人皇/เหรินหวง) จักพรรดิฟ้านามว่าฝูซี (伏羲) หัวเป็นคนตัวเป็นงู จักพรรดิดินนามว่าหนี่วา (女娲) หัวเป็นคนตัวเป็นงูเช่นกัน จักพรรดิดินเป็นหญิงจักพรรดิฟ้าเป็นชาย ส่วนจักรพรรดิคนนั้นนามว่าเสินหนง (神农) หัวเป็นวัวตัวเป็นคน เรื่องราวของต้นกำเนิดชาเกี่ยวพันกับเสินหนงนี้เองครับ นามของเสินหนงนั้นแปลว่าเทพเจ้าแห่งการกสิกรรม การทำไร่ไถนามาจากเสินหนงนี่เองเป็นผู้คิดค้นขึ้น อีกประการคือการแพทย์เกิดขึ้นเพราะเสินหนงนี้เช่นกัน ตำรายาสมุนไพรฉบับแรกที่กำเนิดขึ้นในโลกชาวจีนถือว่าเป็นเพราะเสินหนงนี้เอง


ตามตำนานกล่าวว่าขณะนั้นในโลกยังปรากฎพืชพันธุ์ไม่มาก เสินหนงคิดอยากทดลองดูว่าพืชพันธุ์แต่ละอย่างนั้นรสชาติเป็นอย่างไรและมีสรรพคุณอย่างไร จึงไล่หยิบพืชเหล่านั้นเข้าปากเคี้ยวแล้วพิจารณาว่ามีรสอย่างไร มีพิษอย่างไร ทั้งสิ้นร้อยชนิด จึงมีคำกล่าวถึงตอน "神农尝百草" (เสินหนงฉ่างไป๋เฉ่า) เสินหนงชิมพืชพันธุ์ร้อยชนิด และจากการชิมครั้งนี้เองได้เกิดตำรา 神农本草经 (เสินหนงเปิ่นเฉ่าจิง) ตำราพืชสมุนไพรของเสินหนงอันเป็นแบบให้แพทย์จีนใช้กันสืบมา ในตำรากล่าวถึงสรรพคุณของพืชสมุนไพรหลายชนิด ที่มีพิษ ที่ไม่มีพิษ และที่แก้พิษ ตอนหนึ่งว่าเอาไว้ว่า “神农尝百草,日遇七十二毒,得茶而解之" แปลความได้ว่า"เสินหนงชิมพืชร้อยชนิดได้รับพิษเข้าไปมากถึงเจ็ดสิบสองประการเมื่อชิมชาลงไปพิษทั้งหลายก็สลายหายไปสิ้น" นี่แหละครับบันทึกแรกที่มีการอ้างถึงชาเอาไว้ ว่าชามีสรรพคุณขับพิษสลายร้อนในร่างกาย แรกเริ่มผู้คนบริโภคชาด้วยการเคี้ยวกิน (เหมือนการกินเมี่ยง) ต่อมาจึงใช้ใบสดต้มใส่น้ำ เรื่องเสินหนงนี่อาจจะเป็นเรื่องเล่าไปสักหน่อยเพราะมันตั้งหมื่นปีที่ผ่านมาแล้วนะครับ 555


บันทึกที่อยู่ในขอบเขตที่เชื่อถือได้กว่านั้นก็จะมีบันทึก 晏子春秋 (เยี่ยนจึชุนชิว) รจนาโดยท่าน 晏婴 (เยี่ยนอิง) เสนาบดีสมัยชุนชิวช่วงก่อนคริสต์ศักราชห้าร้อยปีถึงวันนี้ก็ไม่ต่ำกว่าสองพันห้าร้อยปีผ่านมาแล้ว บันทึกมีทั้งสิ้นสองร้อยสิบห้าบท กล่าวถึงการเดินทางและอรรถาธิบายเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมประเพณีขนบธรรมเนียมการปกครองที่ท่านเยี่ยนอิงผู้แต่งได้ประสบพบเจอ ในบันทึกนี้ปรากฏมีท่อนหนึ่งว่า "婴相齐景公时,含脱粟之饭,炙祭三戈五卵茗菜而已" อันแปลความได้ว่าครั้งนั้นเยี่ยนอิงร่วมโต๊ะอาหารที่จัดเอาไว้ ที่นั้นมีอาหารไม่กี่จานทั้งสิ้นล้วนแต่ 茗菜而已 (หมิงไฉเอ๋อร์อี่) คำหมิงไฉนี้แปลว่า "ใบชาสดที่ไม่ได้ผ่านการตากแดดหรือทำแห้ง" จากท่อนนี้เองแสดงให้เห็นว่าคนเมื่อสองพันห้าร้อยปีก่อนนั้นรู้จักใบชาจริง ๆ และยังนำมาใช้ทำอาหาร

เรามาพูดถึงชาในแง่มุมที่เป็นเครื่องดื่มกันบ้าง แน่นอนว่าในยุคชุนชิวนี้เองได้เกิดการพัฒนาด้านการปรุงชาเกิดขึ้น หากข้อมูลที่เรียบเรียงนำเสนอไปตอนต้นถึงเรื่องของเสินหนงนั้นมีมูลจริงแรกเริ่มคนจะต้องใช้ใบชาสดต้มน้ำดื่ม ซึ่งควรจะเป็นเช่นนี้ตลอดมาจนกว่าจะมีผู้พัฒนาการทำใบชาแห้ง ซึ่งนี่เป็นเรื่องในสมัยชุนชิวร่วมยุคกับท่านเยี่ยนอิงในวรรคบน ด้วยความที่ใบชาหายากและมีราคาสูงอีกทั้งถือได้ว่าเป็นยาแก้ไขพิษที่สำคัญ ใช้เป็นเครื่องดื่ม ใช้ประกอบอาหารถือว่าเป็นพืชที่มีคุณูปการชนิดหนึ่ง แนวคิดการที่จะเก็บรักษาใบชาเอาไว้ให้ได้นานได้เกิดขึ้น


จากศัพทานุกรมเล่มแรกของโลกที่มีชื่อว่า 尔雅 (เอ๋อร์หยา) ซึ่งเป็นหนึ่งในสิบสามคัมภีร์โบราณอันเกิดขึ้นในช่วงชุนชิวนี้เองได้บันทึกถึงเรื่องชาเอาไว้ว่าชานั้น "可煮作羹饮" (เขอจู่จั้วเกิงอิ่น) ความคือนำมาต้มดื่มเป็นเครื่องดื่ม วรรคนี้สะท้อนให้เห็นถึงสภาพของการใช้ชาสมัยนั้นว่าเป็นอย่างไร



ผู้รจนาคัมภีร์เอ๋อร์หยานี้เป็นชาวแคว้นจิ้น (晋) อันอยู่ชายขอบทางตะวันตกเฉียงเหนือ ส่วนพื้นที่ที่เสินหนงอ้างว่าได้ชิมพืชพันธุ์ร้อยชนิดนั้นกลับอยู่ทางตะวันออกซึ่งในขณะนั้นคือแคว้นหลู่ (鲁) แคว้นจิ้นนั้นเป็นพื้นที่แห้งแล้งโดยธรรมชาติ ภูมิประเทศล้อมรอบด้วยหุบเขา ลักษณะเช่นนี้ประการแรกยากต่อการเดินทางขนส่ง สองคือสภาพแวดล้อมไม่ใคร่เหมาะกับการเจริญเติบโตของต้นชา นอกจากจะมีการต้มชาดังที่บันทึกลงในเอ๋อร์หยาแล้วชาที่เข้าสู่แคว้นจิ้นโดยมากควรจะต้องเป็นชาที่เดินทางจากแคว้นอื่นเข้ามา ผิดกับคว้นหลู่ที่อยู่บนพื้นราบชายขอบด้านตะวันตกเป็นที่ราบสูงสลับหุบเขามีความชุ่มชื
0/5000
原始語言: -
目標語言: -
結果 (中文) 1: [復制]
復制成功!
周四 11 月 28 日,学士 2556特殊事件︰ 10.1(例子) 茶的起源。วัฒนธรรมชานั้นเกิดขึ้นในดินแดนจีนมานานมาก แต่ว่านานเท่าไหร่ก็ไม่ใคร่จะมีคนให้ข้อสังเกตหรือสรุปได้ เรื่องต้นกำเนิดของชานี้ผมเองแพลนเอาไว้ว่าจะเขียนถึงอยู่แล้วนะครับรอแค่เวลาเท่านั้น ช่วงนี้ก็ยุ่ง ๆ อีกเหมือนเคยครับ พอดีวันนี้มิตรสหายท่านหนึ่งแชร์คลิบของนักธุรกิจใหญ่ท่านหนึ่งไปเยี่ยมเยือนเมืองผู่เอ๋อร์พร้อมกับจั่วหัวเอาไว้ว่า "ผู่เอ๋อร์ต้นตำรับแห่งชา" ซึ่งผมเองไม่ใคร่จะเห็นด้วยซักเท่าใดนัก จึงเป็นที่มาของการหยิบเรื่องต้นกำเนิดแห่งชามานำเสนอทุกท่านในวันนี้ เรื่องในตอนนี้จะนำเสนอที่มาและต้นกำเนิดของชาตั้งแต่ยุคปรัมปราของจีนและแสดงให้เห็นถึงพัฒนาการของวัฒนธรรมชาโดยคร่าว ๆ ไล่จากเริ่มแรกจนมาถึงปัจจุบันนะครับ ดังนั้นคิดว่าตอนนี้คงยาวแน่ ๆประเทศจีนนั้นยุคที่มีการบันทึกเอาไว้เป็นลายลักษณ์อักษรชัดเจนเห็นจะมีตั้งแต่สมัย ซาง (商) -โจว (周) ลงมา ซึ่งนั่นเป็นเรื่องของเมื่อกว่าสามพันเจ็ดร้อยปีผ่านมาแล้ว ทว่าก่อนหน้ายุคซางโจวแล้วยังมียุคเทวตำนานอีกยุคหนึ่งซึ่งหากนับจากปัจจุบันไล่ย้อนขึ้นไปถึงยุคนั้นจะต้องเป็นหลักหมื่นปี ยุคนี้เรียกว่ายุค 三皇五帝 (ซันหวงอู่ตี้) หรือยุคสามจอมจักรพรรดิ์ห้าราชาธิราช ความสำคัญของยุคที่กล่าวถึงนี้เป็นยุคที่ก่อเกิดเรื่องราวมากมายอันเป็นรากฐานของขนบธรรมเนียมประเพณีไม่ว่าจะในเรื่องของศาสนา วิถีชีวิตความเป็นอยู่การเมืองการปกครอง ทั้งหลายล้วนถูกอ้างว่ากำเนิดจากยุคเทวตำนานนี้ทั้งสิ้น你可能会看到被关押在这里它写的是什么?请参阅关于茶吗?。是啊,它之前必须 !?我尽力。ยุคสามจอมกษัตริย์นั้นเรื่องราวเล่าว่ามีสามจอมจักรพรรดิ์คือจักพรรดิฟ้า (天皇/เทียนหวง) จักรพรรดิดิน (地皇/ตี้หวง) และจักรพรรดิคน (人皇/เหรินหวง) จักพรรดิฟ้านามว่าฝูซี (伏羲) หัวเป็นคนตัวเป็นงู จักพรรดิดินนามว่าหนี่วา (女娲) หัวเป็นคนตัวเป็นงูเช่นกัน จักพรรดิดินเป็นหญิงจักพรรดิฟ้าเป็นชาย ส่วนจักรพรรดิคนนั้นนามว่าเสินหนง (神农) หัวเป็นวัวตัวเป็นคน เรื่องราวของต้นกำเนิดชาเกี่ยวพันกับเสินหนงนี้เองครับ นามของเสินหนงนั้นแปลว่าเทพเจ้าแห่งการกสิกรรม การทำไร่ไถนามาจากเสินหนงนี่เองเป็นผู้คิดค้นขึ้น อีกประการคือการแพทย์เกิดขึ้นเพราะเสินหนงนี้เช่นกัน ตำรายาสมุนไพรฉบับแรกที่กำเนิดขึ้นในโลกชาวจีนถือว่าเป็นเพราะเสินหนงนี้เองตามตำนานกล่าวว่าขณะนั้นในโลกยังปรากฎพืชพันธุ์ไม่มาก เสินหนงคิดอยากทดลองดูว่าพืชพันธุ์แต่ละอย่างนั้นรสชาติเป็นอย่างไรและมีสรรพคุณอย่างไร จึงไล่หยิบพืชเหล่านั้นเข้าปากเคี้ยวแล้วพิจารณาว่ามีรสอย่างไร มีพิษอย่างไร ทั้งสิ้นร้อยชนิด จึงมีคำกล่าวถึงตอน "神农尝百草" (เสินหนงฉ่างไป๋เฉ่า) เสินหนงชิมพืชพันธุ์ร้อยชนิด และจากการชิมครั้งนี้เองได้เกิดตำรา 神农本草经 (เสินหนงเปิ่นเฉ่าจิง) ตำราพืชสมุนไพรของเสินหนงอันเป็นแบบให้แพทย์จีนใช้กันสืบมา ในตำรากล่าวถึงสรรพคุณของพืชสมุนไพรหลายชนิด ที่มีพิษ ที่ไม่มีพิษ และที่แก้พิษ ตอนหนึ่งว่าเอาไว้ว่า “神农尝百草,日遇七十二毒,得茶而解之" แปลความได้ว่า"เสินหนงชิมพืชร้อยชนิดได้รับพิษเข้าไปมากถึงเจ็ดสิบสองประการเมื่อชิมชาลงไปพิษทั้งหลายก็สลายหายไปสิ้น" นี่แหละครับบันทึกแรกที่มีการอ้างถึงชาเอาไว้ ว่าชามีสรรพคุณขับพิษสลายร้อนในร่างกาย แรกเริ่มผู้คนบริโภคชาด้วยการเคี้ยวกิน (เหมือนการกินเมี่ยง) ต่อมาจึงใช้ใบสดต้มใส่น้ำ เรื่องเสินหนงนี่อาจจะเป็นเรื่องเล่าไปสักหน่อยเพราะมันตั้งหมื่นปีที่ผ่านมาแล้วนะครับ 555บันทึกที่อยู่ในขอบเขตที่เชื่อถือได้กว่านั้นก็จะมีบันทึก 晏子春秋 (เยี่ยนจึชุนชิว) รจนาโดยท่าน 晏婴 (เยี่ยนอิง) เสนาบดีสมัยชุนชิวช่วงก่อนคริสต์ศักราชห้าร้อยปีถึงวันนี้ก็ไม่ต่ำกว่าสองพันห้าร้อยปีผ่านมาแล้ว บันทึกมีทั้งสิ้นสองร้อยสิบห้าบท กล่าวถึงการเดินทางและอรรถาธิบายเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมประเพณีขนบธรรมเนียมการปกครองที่ท่านเยี่ยนอิงผู้แต่งได้ประสบพบเจอ ในบันทึกนี้ปรากฏมีท่อนหนึ่งว่า "婴相齐景公时,含脱粟之饭,炙祭三戈五卵茗菜而已" อันแปลความได้ว่าครั้งนั้นเยี่ยนอิงร่วมโต๊ะอาหารที่จัดเอาไว้ ที่นั้นมีอาหารไม่กี่จานทั้งสิ้นล้วนแต่ 茗菜而已 (หมิงไฉเอ๋อร์อี่) คำหมิงไฉนี้แปลว่า "ใบชาสดที่ไม่ได้ผ่านการตากแดดหรือทำแห้ง" จากท่อนนี้เองแสดงให้เห็นว่าคนเมื่อสองพันห้าร้อยปีก่อนนั้นรู้จักใบชาจริง ๆ และยังนำมาใช้ทำอาหารเรามาพูดถึงชาในแง่มุมที่เป็นเครื่องดื่มกันบ้าง แน่นอนว่าในยุคชุนชิวนี้เองได้เกิดการพัฒนาด้านการปรุงชาเกิดขึ้น หากข้อมูลที่เรียบเรียงนำเสนอไปตอนต้นถึงเรื่องของเสินหนงนั้นมีมูลจริงแรกเริ่มคนจะต้องใช้ใบชาสดต้มน้ำดื่ม ซึ่งควรจะเป็นเช่นนี้ตลอดมาจนกว่าจะมีผู้พัฒนาการทำใบชาแห้ง ซึ่งนี่เป็นเรื่องในสมัยชุนชิวร่วมยุคกับท่านเยี่ยนอิงในวรรคบน ด้วยความที่ใบชาหายากและมีราคาสูงอีกทั้งถือได้ว่าเป็นยาแก้ไขพิษที่สำคัญ ใช้เป็นเครื่องดื่ม ใช้ประกอบอาหารถือว่าเป็นพืชที่มีคุณูปการชนิดหนึ่ง แนวคิดการที่จะเก็บรักษาใบชาเอาไว้ให้ได้นานได้เกิดขึ้นจากศัพทานุกรมเล่มแรกของโลกที่มีชื่อว่า 尔雅 (เอ๋อร์หยา) ซึ่งเป็นหนึ่งในสิบสามคัมภีร์โบราณอันเกิดขึ้นในช่วงชุนชิวนี้เองได้บันทึกถึงเรื่องชาเอาไว้ว่าชานั้น "可煮作羹饮" (เขอจู่จั้วเกิงอิ่น) ความคือนำมาต้มดื่มเป็นเครื่องดื่ม วรรคนี้สะท้อนให้เห็นถึงสภาพของการใช้ชาสมัยนั้นว่าเป็นอย่างไรผู้รจนาคัมภีร์เอ๋อร์หยานี้เป็นชาวแคว้นจิ้น (晋) อันอยู่ชายขอบทางตะวันตกเฉียงเหนือ ส่วนพื้นที่ที่เสินหนงอ้างว่าได้ชิมพืชพันธุ์ร้อยชนิดนั้นกลับอยู่ทางตะวันออกซึ่งในขณะนั้นคือแคว้นหลู่ (鲁) แคว้นจิ้นนั้นเป็นพื้นที่แห้งแล้งโดยธรรมชาติ ภูมิประเทศล้อมรอบด้วยหุบเขา ลักษณะเช่นนี้ประการแรกยากต่อการเดินทางขนส่ง สองคือสภาพแวดล้อมไม่ใคร่เหมาะกับการเจริญเติบโตของต้นชา นอกจากจะมีการต้มชาดังที่บันทึกลงในเอ๋อร์หยาแล้วชาที่เข้าสู่แคว้นจิ้นโดยมากควรจะต้องเป็นชาที่เดินทางจากแคว้นอื่นเข้ามา ผิดกับคว้นหลู่ที่อยู่บนพื้นราบชายขอบด้านตะวันตกเป็นที่ราบสูงสลับหุบเขามีความชุ่มชื
正在翻譯中..
 
其它語言
本翻譯工具支援: 世界語, 中文, 丹麥文, 亞塞拜然文, 亞美尼亞文, 伊博文, 俄文, 保加利亞文, 信德文, 偵測語言, 優魯巴文, 克林貢語, 克羅埃西亞文, 冰島文, 加泰羅尼亞文, 加里西亞文, 匈牙利文, 南非柯薩文, 南非祖魯文, 卡納達文, 印尼巽他文, 印尼文, 印度古哈拉地文, 印度文, 吉爾吉斯文, 哈薩克文, 喬治亞文, 土庫曼文, 土耳其文, 塔吉克文, 塞爾維亞文, 夏威夷文, 奇切瓦文, 威爾斯文, 孟加拉文, 宿霧文, 寮文, 尼泊爾文, 巴斯克文, 布爾文, 希伯來文, 希臘文, 帕施圖文, 庫德文, 弗利然文, 德文, 意第緒文, 愛沙尼亞文, 愛爾蘭文, 拉丁文, 拉脫維亞文, 挪威文, 捷克文, 斯洛伐克文, 斯洛維尼亞文, 斯瓦希里文, 旁遮普文, 日文, 歐利亞文 (奧里雅文), 毛利文, 法文, 波士尼亞文, 波斯文, 波蘭文, 泰文, 泰盧固文, 泰米爾文, 海地克里奧文, 烏克蘭文, 烏爾都文, 烏茲別克文, 爪哇文, 瑞典文, 瑟索托文, 白俄羅斯文, 盧安達文, 盧森堡文, 科西嘉文, 立陶宛文, 索馬里文, 紹納文, 維吾爾文, 緬甸文, 繁體中文, 羅馬尼亞文, 義大利文, 芬蘭文, 苗文, 英文, 荷蘭文, 菲律賓文, 葡萄牙文, 蒙古文, 薩摩亞文, 蘇格蘭的蓋爾文, 西班牙文, 豪沙文, 越南文, 錫蘭文, 阿姆哈拉文, 阿拉伯文, 阿爾巴尼亞文, 韃靼文, 韓文, 馬來文, 馬其頓文, 馬拉加斯文, 馬拉地文, 馬拉雅拉姆文, 馬耳他文, 高棉文, 等語言的翻譯.

Copyright ©2024 I Love Translation. All reserved.

E-mail: