เจ็บเพื่อเรียนรู้ บทเรียนแห่งความเจ็บปวดอาการบาดเจ็บจากกล้ามเนื้ออกฉีกเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของอาการปัญหาที่เล่นเวทไม่ได้เหมือนเดิม คืออาการซีกซ้ายอ่อนแรง จากปัญหาของอาการอกฉีก การยังกลับไปใช้งานงานอย่างหนักเช่นเคย เนื่องจากกล้ามเนื้ออกได้ฉีกไปแล้ว กล้ามเนื้อหลังและกล้ามส่วนอื่นต้องมาใช้งานแทนกล้ามเนื้ออก พอเรายังเล่นเวทต่อไปกล้ามเนื้อส่วนอื่นก็ได้รับบาดเจ็บตามไปด้วย“กล้ามเนื้อหลังกระดูกต้นคอทับเส้นประสาท”ส่งผลให้ซีกซ้ายทั้งหมดอ่อนแรง ผมเป็นคนถนัดซ้ายในช่วงแรก ตักข้าวเข้าปาก เขียนหนังสือ เปิดประตูรถยังยากเลยกล้ามเนื้ออก กล้ามเนื้อแขน หลัง ซีกซ้ายทั้งผมของผมค่อยๆฝ่อลงจากการออกแรงไม่ได้ ช่วงนั้นอาการซึมเศร้าก็มาเยือนจะไปต่อหรือพอแค่นี้เล่นเวทไม่ได้ ยิ่งเล่นยิ่งทรมานให้มองภาพคนเป็นรองช้ำ ลงน้ำหนักทุกครั้งทรมานทุกก้าว ทุกๆการยกน้ำหนัก การใช้งานซีกซ้ายก็ทรมานจากการใช้งานเช่นกัน ยิ่งไม่ใช้กล้ามเนื้อก็ยิ่งฝ่อใช้ก็ยิ่งเจ็บ ควรไปต่อหรือพอส่ำนี้นั้นคือจุดที่ไม่สามารถเล่นเวทได้ต่อจุดเริ่มต้นของการวิ่งวิ่งแล้วไม่เจ็บซีกซ้าย แต่ย้ายที่เจ็บมาเป็นหัวเข่าแทนต้องยอมรับในช่วงที่เป็นนักเพาะกายผมไม่ค่อยให้ความสำคัญกับกล้ามเนื้อขาเท่าที่ควรจะเป็น กล้ามเนื้อขาไม่แข็งแรง พอมาวิ่งเข่าทำงานหนัก ก็เจ็บเข่า วิ่งได้ไม่นานก็ต้องหยุดจากการที่หัวเข่าอักเสบแต่วิ่งแล้วอาการซีกซ้ายไม่เจ็บในช่วงที่พักจากการวิ่ง เลยหาข้อมูลการวิ่งในอินเตอร์เน็ต อย่างที่เคยบอกผมมีอาจารย์ทางอินเตอร์เน็ตหลายท่าน ผมเริ่มศึกษา ฝึกและทำตาม เนื่องจากพอมีความรู้เรื่องกายวิภาคจากการเรียนเทรนเนอร์อยู่บ้าง เลยนำมาปรับใช้ได้ดีในช่วงแรก หลังจากนั้นการอ่านอย่างเดียวก็ตันเพราะมองภาพรวมไม่ออกตอนผมเพาะกายมีอาจารย์เป็นแชมป์โลกตอนที่เพาะกายผมมีอาจารย์เป็นแชมป์โลกเพาะกายผมเจออาจารย์ในยิมผมรีบเข้าไปทำความรู้จักและขอเป็นบัดดี้ช่วยยกเหล็ก ประสบการณ์จากการยกเหล็กให้แชมป์โลกทำให้ผมได้เทคนิคต่างๆจากการยกน้ำหนักที่อินเตอร์เน็ตไม่มีสอนอยากเป็นนักวิ่งต้องเรียนกับโค้ชวิ่งนั้นเป็นครั้งแรกที่ได้เรียนกับโค้ชวิ่งจริงๆ คือโค้ชเอินในความหมายของการเป็นโค้ชนอกจากต้องออกแบบโปรแกรมการเทรนแล้ว ยังต้องดูสภาพจิตใจของนักกีฬา ถ้าจับจุดถึงปัญหาได้การเทรนถึงจะพัฒนาโค้ชเอินบอกว่าถึงร่างกายภาพนอกผมจะแข็งแรง แต่มีความบอบช้ำจากการใช้งานหนักมาตลอด ผมได้รับโอกาสในการเทรนวิ่งเพื่อลงงานบางแสนปี 2018ซึ่งทำให้เพื่อนๆนักวิ่งเริ่มรู้จักในบทบาทนักวิ่งของผมกับงานนี้เจ็บเพื่อเรียนรู้เราได้รับอะไรจากการบาดเจ็บ ทุกครั้งที่เจ็บจากการวิ่งหรือการออกกำลังกายทุกอย่าง มันคือบทเรียนที่ดี ที่เราจะมามองว่าเราทำอะไรผิดพลาดไป ถ้าผิดเป็นต้นเหตุที่ทำให้เราบาดเจ็บ เราก็ควรหลีกเลี่ยงต้นเหตุและเรียนรู้ที่จะแก้ไข และสร้างภูมิให้ร่างกายแข็งแรงและต่อสู้กับความเจ็บในครั้งต่อไปตอนนี้ร่างกายกลับมาเป็นปกติจากการวิ่ง ร่างกายมีความยืดหยุ่น ความยืดหยุ่นทำให้กล้ามเนื้อและกระดูกคอไม่ไปกดทับเส้นประสาท ทำให้ซีกซ้ายกลับมามีแรงอีกครั้ง อาจจะไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่การใช้ชีวิตก็ง่ายกว่าแต่ก่อน มีความหวัง รู้สึกถึงคุณค่าของร่างกายและรักตัวเองมากกว่าที่ผ่านมาเป็นกำลังใจให้กับคนที่กำลังเจอปัญหากำลังท้อแท้ หากคุณไม่ล้มเลิกคุณยังมีโอกาสครั้งใหม่เสมอครับ